เรื่องย่อ

คริส อดีตนักเทนนิสดาวรุ่งฝีมือดี ที่ผันตัวมาเป็นครูสอนเทนนิสแทน วันหนึ่งเขาได้มาเจอกับ ทอม ลูกชายของมหาเศรษฐีที่มาเรียนเทนนิสกับเขา จนเกิดมิตรภาพขึ้นจนสนิทกันมาก และทอมก็ได้ชวนคริสไปที่บ้าน จนได้พบกับ โคลอี้ น้องสาวของเขา ทั้งคู่นั้นตกหลุมรักกันจนไปถึงขั้นแต่งแต่งงาน ทำให้คริสตกอยู่ในสถานะตกถังข้าวสารแบบสบายๆ จนเรียกว่าประสบความสำเร็จไปในทุกด้าน แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้พบกับ โนล่า

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Match Point นั้น เหมาะอย่างมากสำหรับคนที่เป็นแฟนหนัง Woody Allen อยู่แล้ว เพราะนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำได้เหนือขึ้นมากกว่ามาตรฐานหนังของเขาอยู่เล็กน้อย ทั้งจังหวะการเล่าเรื่องหรืออะไรก็เข้าเป้าเป๊ะหมด และทำออกมาได้ดูดีมีสุนทรียภาพเหมือนการเสพงานศิลปะมากๆ แม้ว่าหนังจะมีพล็อตเรื่องแบบง่ายๆ ไม่ต่างจากละครไทยก็ตาม แต่มันก็ยกระดับขึ้นมาได้เป็นอย่างดี ใครที่ขอบหนังแนวชู้รักๆ ที่ชวนๆ ลุ้นหน่อย แบบ Unfaithful หรือ Femme Fatale แล้ว ขอแนะนำหนังปู่ Woody Allen เรื่องนี้กันไว้ด้วยเลย

• สายหนังชู้รักหักสวาท
• สายหนังดราม่าโรแมนติก
• สายหนังดราม่าระทึกขวัญ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หนังอีกเรื่องของปู่วู้ดดี้ อัลเลน ที่ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องชู้รัก และสถานการณ์ Dilemma ที่ตัวละครต้องตัดสินใจ แม้ว่าตัวหนังจะดำเนินไปด้วยความราบเรียบผ่านบทสนทนาตามสไตล์ของเขา แต่ในเรื่องนี้เรากลับรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจเป็นอย่างมาก มันเลยเป็นหนังดราม่าอีกเรื่องที่มีโทนที่ออกมาดูสนุกชวนติดตามตลอดเวลาเลยว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ทั้งที่เรื่องราวของมันเรียบง่ายมากๆ จนบางทีก็ยังแอบคิดว่าพล็อตมันเหมือนละครได้ด้วยซ้ำ แต่ด้วยความสามารถในการเล่าเรื่อง และการตัดต่อ ที่ทำออกมาได้เป็นอย่างดี มันก็ช่วยยกระดับจากหนังพล็อตเรียบๆ ให้ดูเป็นหนังระทึกขวัญขึ้นมาได้ในทันที

จริงๆ แล้วแก่นหลักของเรื่องก็เล่าถึงความเป็นมนุษย์ที่ไม่รู้จักพอแหละ เมื่อโอกาสอะไรที่สูงกว่าก็มักที่จะไขว่คว้าเอาไว้เสมอ โดยที่ไม่ได้คิดถึงผลที่ตามมาให้ดีนัก อย่างตัวเอกเองที่ตอนแรกก็มาเป็นแค่นักเทนนิสธรรมดา แต่เมื่อมีโอกาสตกถังข้าวสาร แต่งเข้าบ้านคนรวยก็มองเป็นโอกาสที่รีบคว้าเอาไว้ โดยที่ไม่ได้นึกถึงอนาคตชีวิตรักมากนัก ว่าใช่คนนี้หรือเปล่า จนกระทั่งเมื่อเขาได้พบกับโนล่า สาวสวยสุดเซ็กซี่ที่เข้ามาในชีวิต เขาก็ยังเลือกที่จะลองเสี่ยงที่จะเล่นกับไฟ แม้ว่าตัวเขาเองจะมีชีวิตที่ดีอยู่แล้วในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน การเข้าสังคมชั้นสูง ภรรยาที่แสนดี แต่ด้วยการความมีเสน่ห์ของ Scarlett Johansson ก็ทำให้คนดูเองก็อาจจะรู้สึกได้ไม่แพ้กัน ว่ามันเป็นแรงปราถนาที่ยากเกินกว่าจะต้านทานได้

แม้ว่าหนังในช่วงแรกจะค่อยๆ ถ่ายทอดความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ ได้อย่างน่าสนใจ ที่ทำให้เราเห็นพาร์ทโรแมนติกต่างๆ แต่ในช่วงครึ่งหลังนั้น หนังกลับเปลี่ยนโทนในทันที ด้วยสถานการณ์บางอย่าง จะกลายเป็นโทนระทึกขวัญที่ชวนอึดอัดและบีบคั้นหัวใจได้เป็นอย่างมาก จนกลายเป็นว่า หนังเล่าเรื่องที่เรียบง่ายให้กลายเป็นหนังชั้นดีขึ้นมาได้เฉย ด้วยความที่หนังเอาทั้งกีฬาอย่างเทนนิสมาใช้ และเอาศิลปะอย่างโอเปร่าเข้ามาผสาน มันจึงเป็นสุนทรียภาพที่ดีเป็นอย่างมากกับการได้ดูหนังที่กำกับให้เสมือนกำลังเล่นดนตรีเช่นนี้