Live Free or Die Hard (2007)
ดายฮาร์ด 4.0 ปลุกอึดตายยาก
คะแนน
โกดังหนัง
นับเป็นการกลับมาของ Die Hard ที่มันส์ที่สุด เหมือนการเอาคนรุ่นเก๋า มาใส่ยุค 4.0 แต่ความดุเดือดเลือดพล่าน และคาแรคเตอร์ยังชัดเหมือนเดิม
คำคมจากภาพยนตร์
“ํYou just killed a helicopter with a car!” “คุณเพิ่งพังเฮลิคอปเตอร์ด้วยรถไปนะ.”
เรื่องย่อ
จอห์น แมคเคลน นายตำรวจรุ่นเก๋า ที่ได้รับมอบหมายให้นำตัว แม็ต แฟร์เรล แฮ็กเกอร์หนุ่ม มาส่งให้กับ FBI แต่สุดท้ายก็ได้เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ก่อการร้าย ที่เกี่ยวข้องกับหนุ่มคนนี้ ที่ถูกตามล่าอยู่เหมือนกัน ด้วยความที่เขาไม่ถนัดเรื่องดิจิตอลยุคใหม่อยู่แล้ว เลยทำให้เขาต้องร่วมมือกับ แม็ต เพื่อที่จะยับยั้งแผนก่อนการร้ายในระดับประเทศ พร้อมทั้งยังต้องช่วยเหลือลูกสาวที่มีปัญหากันอยู่อีก
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Live Free or Die Hard นั้น เป็นหนังที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่แฟนคลับของหนังชุด Die Hard อยู่แล้ว แต่สำหรับคอหนังแอคชั่นที่ไม่เคยดูมาก่อนก็ยังสามารถดูมันรู้เรื่องได้โดยที่ไม่ต้องกลับไปดูภาคก่อนๆ แต่อย่างใด ด้วยความที่มันมอบฉากแอคชั่นสุดบันเทิงแบบจัดเต็มจนแทบจะไม่มีจังหวะให้พัก รวมถึงพล็อตเรื่องที่ชวนติดตาม มีการอัพเดทตัวร้ายให้เข้ากับยุคสมัย มันเลยกลายเป็นหนังแอคชั่นชั้นเยี่ยมที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เอาเป็นว่าชอบ Die Hard อยู่แล้วก็จัดเลย หรือถ้าชอบหนังแอคชั่นเดือดๆ อย่าง Olympus has fallen, Red หรือหนังตระกูล Fast แล้ว ยิ่งต้องดู
- สายหนังแอคชั่น Old School
- สายหนังแอคชั่นภาคต่อ
- สายหนังแฮคเกอร์
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ในฐานะแฟนคลับหนังชุด Die Hard ที่ตามดูมาโดยตลอดทุกภาคนั้น ก็ยังขอยืนยันว่า Die Hard 4.0 หรือชื่อในสากลว่า Live Free or Die Hard นั้นเป็นภาคที่ชื่นชอบที่สุด ด้วยการที่พาเอาตัวละครอย่าง John McClane กลับมาเผชิญกับโจทย์ใหม่อีกครั้ง เมื่อเข้าต้องเจอกับผู้ก่อการร้ายแบบดิจิตอล แต่ตัวเขาเองนั้น ยังเป็นตำรวจรุ่นเก๋าในแบบอนาล็อกอยู่ เลยทำให้ในภาคนี้เขาเหมือนเป็นตำรวจที่อยู่ผิดที่ผิดทางไม่พอ แต่ยังดูเหมือนผิดยุคสมัยด้วย จนกลายเป็นเสมือนจุดอ่อนที่สำคัญของเขาในภาคนี้ จนต้องมีลูกมืออย่าง Matt ตัวละครแฮ็กเกอร์ขั้นเทพที่เข้ามาเติมเต็มจุดนี้ของเขา
ความสนุกของหนังยังคงเป็นในเรื่องความมันส์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือบรรดาฉากที่เล่นใหญ่วินาศสันตะโรมากขึ้น ทั้งฉากต่อสู้แบบดวลกันที่คิวบู๊เท่มาก ฉากไล่ยิงกันในแบบคลาสสิค ไปจนถึงฉากไคลแม็กซ์ปีนป่ายเครื่องบนเจ็ทก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้อย่างอลังการและมันส์ได้แบบเต็มสูบถึงใจดีเหลือเกิน ด้วยการออกแบบแต่ละฉากเหล่านี้ที่ทำออกมาได้ดูมีชั้นเชิง มีลูกเล่น และให้ จอห์น แมคเคลน นั้นกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างเต็มที่ และเป็นคนอึด สมกับชื่อของ Die Hard ได้ดีจริงๆ
นอกจากฉากแอคชั่นชั้นดีแล้ว ตัวหนังยังมีการพัฒนาบทที่น่าสนใจด้วย ตั้งประเด็นไม่กินเส้นกันกับลูกสาว ความซับซ้อนของกระบวนการของทีมก่อการร้าย เทคนิคที่พวกเขาใช้เพื่อสร้างความวุ่นวายต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่สร้างสรรค์ดี อย่างฉากที่ดับไฟในอุโมงค์อะไรแบบนี้ แม้ว่าจะดูแปลกๆ ไปสักหน่อย ที่ทีมงานแฮกเกอร์แต่ละคนดูจะมีสกิลบู๊กันอยู่มาก แต่นั่นก็มองข้ามได้เพราะมันช่วยเพิ่มฉากแอคชั่นได้มันส์ขึ้นจริงๆ จนทำให้ Die Hard ภาคนี้เป็นภาคที่อยากแนะนำมาก ต่อให้ไม่เคยดู Die Hard มาก่อนเลยก็ตามก็ยังเชื่อว่าจะยังสนุกไปกับความมันส์บันเทิงของมันได้อยู่จนรับรองว่าอยากกลับไปดูภาคเก่าๆ เลยทีเดียว
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- เป็นหนัง Die Hard ภาคเดียวในชุดนี้ ที่เหตุการณ์กินเวลาเกินกว่า 1 วัน
- ฉากเล็กๆ อย่างกันตัดต่อภาพของประธานาธิบดีแต่ละคน (Franklin D. Roosevelt ถีง George W. Bush) ของทีมก่อการร้ายนั้น ใช้เวลารวบรวม Footage มาทำให้ต่อกันถึง 4 เดือน