Forrest Gump (1994)
อัจฉริยะปัญญานิ่ม
คะแนน
โกดังหนัง
เป็นการนำตัวละครที่แต่งขึ้น มาใช้ชีวิตผ่านประวัติศาสตร์ เหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลาหนึ่งของอเมริกาได้อย่างสนุกมาก ดีงามจนต้องยกให้เป็นอีกหนึ่งผลงานคลาสสิคตลอดกาล
คำคมจากภาพยนตร์
“Life is like a box of chocolates. You never know what you’re gonna get.” “ชีวิตคนเราก็เหมือนกับกล่องช็อคโกแลต ที่เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะได้เจอกับอะไร”
เรื่องย่อ
ฟอเรสท์ กัมพ์ ชายที่เกิดมาพร้อมกับไอคิวต่ำ แต่ในช่วงชีวิตของเขากลับได้เดินทางเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามเวียดนาม ภารกิจพิชิตดวงจันทร์ และได้ทำในทุกสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำได้ แม้ว่าเขาจะเกิดมาด้วยไอคิว 75 แต่นั่นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นอุปสสรคในการใช้ชีวิตของเขาแต่อย่างใด เพราะวิถีการใช้ชีวิตของเขานั้นกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้มากมาย
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Forrest Gump นั้น เป็นหนังที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนมีโอกาสได้ดูสักครั้งในชีวิต เพราะนอกจากความบันเทิงที่ได้รับตลอดช่วงเวลา 2 ชั่วโมง 22 นาทีแล้ว ในทุกครั้งที่หยิบมาดู มันยังคงให้แง่คิดการใช้ชีวิตดีๆ กับเราอยู่เสมอ นอกจากนี้เรายังจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ในอดีตที่สำคัญอีกด้วย (แต่ต้องแยกให้ออกนะ ว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนเรื่องแต่ง 555+) แต่ข้อแนะนำอย่างนึงสำหรับคนรุ่นใหม่ๆ ที่สนใจหนังเรื่องนี้ คือการพอรู้ประวัติศาสตร์อเมริกันช่วงสักยุค 50s ไปจนถึง 80s สักหน่อยก่อน น่าจะทำให้อินและสนุกไปกับหนังได้มากขึ้น และถ้าชอบหนังดีๆ อย่าง Cast Away, The Terminal, Big ของ Tom Hanks อยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ควรจะติดอยู่ในลิสท์ของหนัง Tom Hanks ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน
- สายหนังดราม่าคลาสสิค
- สายหนังคลาสสิคยุค 90
- สายหนังรางวัล
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ผลงานชั้นเยี่ยมอีกเรื่องในโลกภาพยนตร์ที่ใครๆ ต่างก็หลงรัก กับการนำพาตัวละครไอคิวต่ำจากต้นฉบับนิยายในชื่อเดียวกันของ Winston Groom มาออกท่องโลกในฉบับภาพยนตร์ผ่านประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญของอเมริกา พร้อมทั้งเสียดสี สร้างอารมณ์ขันเข้าไปได้อย่างน่าสนใจ และด้วยความเทพของทีม CG ในสมัยนั้นก็ทำให้ Forrest Gump เข้าไปอยู่ในแต่ละเหตุการณ์ได้ชวนทึ่ง อาทิ ฉากดวลปิงปอง ฉากรับเหรียญกล้าหาญ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็ทำออกมาได้เนียนกริบ เหนือกว่าหนังอีกหลายๆ เรื่องในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ จนทำให้หนังได้รางวัล Oscars สาขา Best Effects, Visual Effects มาครองแบบสบายๆ กันเลย
เมื่องานโปรดักชั่นและ Visual Effect ที่ดีนำมาประกอบกับการดำเนินเรื่องที่สนุก ก็ยิ่งทำให้สิ่งที่หนังเล่าดูมีน้ำหนัก เพิ่มความน่าสนใจเสมือนว่าตัว Forrest Gump เองมีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ชาติอเมริกายังไงอย่างงั้น ด้วยบทที่เริ่มเล่าตั้งแต่วัยเด็ก เราจึงได้เห็นพัฒนาของตัวละครนี้มาตั้งแต่วัยแรกรุ่น ได้เห็นแนวคิดชีวิต และวิธีรับมือเมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา จากการที่เขาไม่ได้เป็นคนที่มีระดับสติปัญญาปกติเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็จะเห็นได้ว่าเขาก็สามารถใช้ชีวิตผ่านในทุกช่วงเหตุการณ์มาได้ ไม่ว่าจะร้ายหรือดี จนคนดูสามารถผูกพันกับตัวละครได้ไม่ยาก ซึ่งการใช้ชีวิตของ Forrest Gump นั้นก็ไม่ต่างอะไรจาก “ขนนก” ที่นับเป็นอีก Iconic ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่สื่อถึงการใช้ชีวิตของเราว่า ให้ปลิดปลิวไปตามแรงลมดังเช่นขนนก ไม่ว่าชีวิตจะพัดพาอะไรเข้ามา สิ่งที่เราทำได้ก็คงมีแค่ปรับตัว และไหลไปตามสภาพที่มันเกิดขึ้นนั่นเอง
ซึ่งหนังคงจะมาถึงจุดนี้ไม่ได้ หากขาดนักแสดงชั้นดี ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์การันตีคุณภาพมาถึงทุกวันนี้อย่าง Tom Hanks ที่รับบท Forrest Gump ได้อย่างไร้ที่ติ และสมบทบาทจนคนดูเชื่อในบทบาทเขาเป็นอย่างมาก และนับว่าน่าจะเป็นผู้ที่แบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่อง จนได้รับรางวัล Oscar สาขานักแสดงนำชายในปีนั้นไปแบบนิ่มๆ เช่นเดียวกับผู้กำกับ Robert Zemeckis ที่คุมงานทุกอย่างได้ดีเยี่ยมจนได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมไปเช่นกัน ทำให้สุดท้ายแล้ว Forrest Gump ไม่แค่เพียงเป็นหนังที่มีคุณค่าในแง่ของความเป็นหนังเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องราวดีๆ ในแบบฟีลกู้ดที่พร้อมส่งต่อไปให้คนดูหนังหลายๆ คนได้เรียนรู้ชีวิต และอะไรกลับมามากกว่าแค่ความบันเทิงอย่างแน่นอน เป็นอีกหนังขึ้นหิ้งที่ควรดูสักครั้งในชีวิตเลย
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- หนังมีรางวัล Oscars มาการันตีถึง 6 รางวัล โดยมีทั้งรางวัลใหญ่อย่าง Best Picture, Best Director ของปีนั้นมาครองด้วย
- Tom Hanks ไม่ได้รับค่าตัวจากหนังเรื่องนี้ แต่ขอเป็นการแบ่งเปอร์เซ็นรายได้ ซึ่งกลายเป็นว่าสูงถึง 40 ล้านเหรียญเลยทีเดียว
- ในทุกๆ การเปลี่ยนช่วงเวลาของหนัง จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนเดิมเสมอในฉากเปิดของแต่ละช่วงนั่นก็คือ การใส่เสื้อลายสก็อตสีฟ้าของ Forrest Gump