ScoopLoki_00

7 สิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้ จากจอมวายร้ายอย่าง Loki

ในจักรวาล Marvel Cinematic นั้น หากพูดถึงวายร้ายยอดนิยมสักคน คงหนีไม่พ้นชื่อ Loki ที่โผล่ขึ้นมาอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะเป็นตัวร้ายที่มีความโหดเหี้ยม และเป็นเทพแห่งการหลอกล่อหลอกลวง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Loki เป็นอีกตัวละครที่สร้างสีสันให้กับเรื่องราวได้มากเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้มี Series แยกเป็นของตัวเอง ยิ่งทำให้เราได้รู้จักกับหลายๆ มุมของตัวละครนี้มาขึ้นไปอีก จนไม่แปลกใจนักหากเขาจะเป็นวายร้ายที่หลายคนต่างก็หลงรัก

ถึงแม้ว่า Loki จะเป็นวายร้ายตัวแสบ แต่หากสังเกตดีๆ เราจะเห็นได้ว่าตัวละครนี้ได้สร้างมุมมองและแง่คิดต่างๆ ออกมามากมายให้กับคนดูอยู่ไม่น้อย วันนี้ทางโกดังหนังจึงอยากจะหยิบยก สิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากวายร้าย Loki มาดูกัน ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ลองมาดูกันเลย

จงนำหน้าคนอื่น 1 ก้าวเสมอ

Loki นับเป็นอีกตัวละครที่สรรหาวิธีในการเอาตัวรอดมาจากสถานการณ์ต่างๆ ได้เสมอ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหน ก็มักมีทางออกที่หลายคนคาดไม่ถึง (ยกเว้นตอนที่อยู่ต่อหน้า Thanos นั่นแหละ) นั่นเป็นเพราะ Loki คิดแผนล้ำหน้าคนอื่นอยู่ตลอดเวลา และไม่ว่าผลนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร ก็มีแผนที่เตรียมรับรองเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยอมให้ทีม Avengers จับได้ ใน Avengers (2012) หรือ การแกล้งตายเพื่อเอาตัวรอดใน Thor: The Dark World (2013)

จะทำอะไร อย่าให้ใครอ่านเราออก

เสน่ห์อย่างหนึ่งของตัวละคร Loki ก็คือ คนรอบข้างเขา รวมถึงคนดูเองนั้น ไม่สามารถบอกได้เลยว่า เขาจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดีกันแน่ เพราะในบางครั้งเขาก็เหมือนจะสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป และลงเอยออกมาทีไรก็มักเป็นแผนหลอกคนอื่นไปทุกที นั่นเป็นเพราะการที่ไม่ค่อยแสดงออกมาก และเก็บงำแผนเป็นความลับเอาไว้กับตัวเอง จนนำไปสู่ความสำเร็จของแผนโดยที่ไม่มีคนรู้ทัน และไม่สามารถวางแผนให้เหนือกว่าได้ (ยกเว้นก็เพียงครั้งเดียวคือ ตอนเจอ Natasha Romanoff ใน Avengers (2012) หลอกต้มจนเสียเทพเลย)

อย่าเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่น

ปมปัญหาชีวิตที่ใหญที่สุดของ Loki คงหนีไม่พ้น การเอาชีวิตตัวเองไปเปรียบเทียบกับพี่ชาย ในวัยเด็กพวกเขาอาจเป็นเพื่อนกันได้ แต่ในระหว่างทางของชีวิตที่ยิ่งเติบโตมาก็ยิ่งอิจฉาตัวพี่ชายของเขาอย่าง Thor มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการที่พี่เขาได้ครองบัลลงก์ต่อจากพ่อ มีมิตรสหายคอยสนับสนุนมากมาย จนทำให้ความริษยานั้นเปลี่ยนให้เขากลายเป็นวายร้ายในแบบที่ตัวเองก็ไม่ได้อยากเป็นเท่าไรนัก เพราะที่จริงแล้ว ชีวิตโลกิก็ไม่ได้แย่ แต่พอเปรียบเทียบกับคนที่ดีกว่า มันก็จะรู้สึกด้อยในทันที

ความทะนงตัวเอง อาจนำมาสู่ปัญหา

จริงๆ แล้ว Loki เป็นตัวละครในแบบข้อ 2 นั่นก็คือวางแผนแยบยลจนคนเดาความคิดไม่ออก แต่การมายังโลกใน Avengers (2012) ของเขานั้น เป็นการมาด้วยความมั่นใจ และความทะนงตัวเองว่าเขาอยู่เหนือกว่ามนุษย์คนอื่นๆ เพราะตัวเองเป็นเทพ แถมยังมั่นใจในทักษะการปั่นหัวของตัวเองว่าจะใช้ได้ผลเสมอ จนกระทั่งได้พบกับสาวสายลับอย่าง Natasha Romanoff ที่ฝึกเรื่องแบบนี้มาเกือบตลอดชีวิต จนสุดท้ายก็กลายเป็นเขาเองที่เผยไต๋หลุดแผนออกมา จนทีม Avengers รู้จุดประสงค์หมดว่าเขาจะใช้ Hulk ทำอะไร

บางครั้งครอบครัวก็ไม่ได้มาจากสายเลือด

อย่างที่รู้กันจากใน Thor แรก ที่เปิดเผยที่มาของ Loki ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้มีสายเลือดจาก Odin แต่เป็นคนของเผ่ายักษ์น้ำแข็งที่ถูกเก็บมาเลี้ยง แต่สุดท้ายแล้วตระกูลของ Odin ก็ดูแลเขาเหมือนลูกในไส้ ส่วน Thor ก็ยังรักเขาเหมือนเป็นน้องแท้ๆ สำหรับ Loki เอง ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้ยอมรับในส่วนนี้ แต่ในหลายๆ ภาคที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนเขาจะโอเคกับความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้มากขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้มีสายเลือดในตระกูลเดียวกันก็ตาม ซึ่งหากนับคนพี่อย่าง เฮล่า ด้วยแล้ว ก็นับเป็นครอบครัวที่บันเทิง และเละเทะดีจริงๆ 

โชคชะตาไม่ได้เป็นสิ่งกำหนดตัวเรา

สิ่งหนึ่งที่เราเห็นใน Multiverse ก็คือไม่ว่าจะเป็น Loki ตัวไหนๆ ก็ล้วนแล้วแต่ประสบกับชะตากรรมที่ชีช้ำไม่ต่างกัน บางคนรอดจากน้ำมือ Thanos, บางคนฆ่าพี่ชายตัวเองได้, บางคนหักหลังได้ทุกอย่าง และบางตัวก็เป็นจรเข้ แต่สิ่งที่ทุกคนมีร่วมกันก็คือ ไม่มีความสุข จากสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไป และมองว่าโชคชะตาคือสิ่งที่ทำให้เลือกทำแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้ว Loki หลักของเรื่อง ก็ได้พิสูจน์ว่า แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะทำอะไรผิดพลาด แต่เขาก็ยังเลือกที่จะทำอะไรดีๆ ได้ หรือช่วยเหลือคนอื่นได้ โดยที่ไม่เชื่อโชคชะตาที่กำหนดมาให้เขาเป็นวายร้ายแบบนี้

ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

จากซีรี่ส์ Loki เราจะเห็นว่าหาก Loki มีทางเลือกและรอดตายจากที่โดน Thanos สังหาร และได้เห็นสิ่งที่เขาได้ทำลงไปจากในอีก Timeline นึง เขานั้นเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป และตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองจากสิ่งที่เขาเห็นนั้น นั่นเลยทำให้ Loki ในจักรวาลนี้ มีหัวใจที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เพราะได้รู้ความผิดพลาดที่ตัวเองที่ผ่านมา โดยการยอมรับข้อเสียและสิ่งไม่ดีของตัวเองให้ได้ จากนั้นจึงเดินหน้าเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม (แหละมั้ง!?!)