8 หนังรักสไตล์เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ที่ชวนจิ๊ดหัวใจ
#รวมของดีโกดังหนัง หากพูดถึงหนังรักแล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีหนังรักเรื่องโปรดของตัวเองที่ต่างกันออกไป ซึ่งนอกจากในเรื่องของคุณภาพของหนังแต่ละเรื่องแล้ว อีกส่วนนึงก็น่าจะเป็นเรื่องของประสบการณ์และความอินกับเรื่องราวที่ใกล้เคียงกับตัวเอง ซึ่งในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ก็เชื่อว่าหลายๆ คนก็น่าจะมีโมเมนท์แอบชอบหรือแอบรักเพื่อนกันมาบ้างแหละ และหากใครที่มีประสบการณ์เหล่านี้ก็น่าจะมีความรู้สึกเหมือนๆ กัน ทั้งในเรื่องความอึดอัดที่ไม่ได้พูดออกไป เพราะกลัวว่าจะเสียความเป็นเพื่อนกันไปจนไม่เหมือนเดิม
วันนี้ #โกดังหนัง จึงอยากที่จะมาแนะนำหนังรักสไตล์เพื่อนแอบรักเพื่อนมาแนะนำกัน ว่าหลายๆ คนที่มีประสบการณ์เหล่านี้จะอินกันสักแค่ไหน ใครกำลังอยู่ในโมเมนท์นี้แล้วขาดเรื่องไหนเตรียมเก็บให้ครบกันได้เลย!
Love, Rosie (2014) – เพื่อนสนิทชีวิตผิดพลาด
เรื่องราวของ โรซี่ ดันน์ และอเล็กซ์ สจ๊วต หนุ่มสาวที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่ยังไม่เข้าใจความรัก พวกเขาได้สัญญากันว่าจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วยกัน ระหว่างทางทั้งคู่ได้ประคองความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิทมาโดยเสมอ เพราะต่างคนต่างก็มีคู่ใจเป็นของตัวเอง แต่แล้วเรื่องราวก็เกิดพลิกผัน เพื่อโรซี่ดันพลาดท้องกับหนุ่มป๊อปคนหนึ่งในปาร์ตี้แบบไม่ได้ตั้งใจ จนทำให้ความฝันของทั้งคู่ยิ่งห่างออกจากกันมากขึ้น จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไป พวกเขาก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้โชคชะตาทำให้พวกเขาก้าวข้ามคำว่าเพื่อนไปได้หรือไม่?
Love, Rosie นั้นเป็นหนังที่สร้างมาจากนิยายชื่อดังที่ติดอันดับของ New York Times อยู่นาน ด้วยเรื่องราวที่ไม่ได้วนเวียนแค่ในเรื่องของความรักโรแมนติคเพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีมุมไปสำรวจในเรื่องของ ชีวิต ความฝัน ครอบครัว และการเติบโตของตัวละครด้วย ซึ่งจากความหนาของหนังสือมันมีดีเทลอยู่เยอะมาก แต่น่าเสียดายที่ตอนเอาดัดแปลงเป็นหนังแล้ว ประเด็นของเรื่องราวกลับเบาบางลงไปอย่างน่าเสียดาย และกลายเป็นเรื่องเพื่อนแอบรักเพื่อนที่ดูโลกสวยไปสักหน่อย แต่ถึงอย่างไรก็ยังนับว่ามันเป็นหนังรอม-คอมที่ดูง่ายและดูเพลินอีกเรื่อง ผ่านการใช้ชีวิตในช่วงยุคต่างๆ ที่ทำออกมาน่าสนใจไม่น้อยเลย
When Harry Met Sally (1989) – เพื่อนสนิทมาก่อนกาล
แฮร์รี่ และ แซลลี่ หนุ่มสาวที่ได้พบกันในวันจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิคาโก พวกเขามีเหตุที่ต้องใช้เวลาร่วมกันอย่างไม่เต็มใจในรถ เพื่อเดินทางไปยังกรุง New York ในระหว่างทางนั้นพวกเขาได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และมุมมองต่างๆ ในเรื่องความรักที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ในเวลา 18 ชั่วโมงของการเดินทางนั้น ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์บางอย่างก็ก่อตัวขึ้นมายาวนานไปอีกหลายปี ที่พวกเขาได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกันมาโดยตลอด จนพวกเขาอาจต้องเริ่มยอมรับความจริงแล้วว่าจริงๆ แล้วพวกเขาตกหลุมรักกัน
หนังรักสุดคลาสสิคที่ทุกวันนี้คนก็ยังพูดถึงและหยิบหามาดูแม้ว่าอายุของมันจะเกินกว่า 30 ปีแล้วก็ตาม ก็จุดเริ่มต้นของคำถามที่ว่า “ผู้ชายกับผู้หญิงนั้นจะเป็นเพื่อนสนิทกันเฉยๆ ได้จริงๆ หรือ?” เพราะหนังได้ถ่ายทอดแง่มุมต่างๆ ของความสัมพันธ์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ ในชีวิตของเขา ไม่ว่าจะเป็นสุข เศร้า เหงา ทุกข์ ที่มาโดยตลอด แถมยังมีลีลาการเล่าเรื่องระหว่างพระ-นางควบคู่ไปกับบทสัมภาษณ์คู่รักที่ออกมาลงตัวน่าสนใจ จนกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานแอบรักเพื่อนที่ควรได้ดูสักครั้งในชีวิต
One Day (2011)
เอ็มมา มอร์ลีย์ และเด็กซ์เตอร์ เมย์ คือหนุ่มสาวที่รู้สึกชอบกันมาตั้งแต่ปี 1988 ในวันที่ 15 ของปีนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกือบจบลงด้วยเซ็กส์ แต่ทั้งคู่ก็ยังก้าวข้ามผ่านมันไป เพื่อรักษามิตรภาพเอาไว้แทน โดยพวกมีสัญญาร่วมกันว่าในทุกๆ วันที่ 15 กรกฏาคมของทุกปีนั้น พวกเขาจะกลับมาเจอกัน ซึ่งในแต่ละปีก็จะเต็มไปด้วยเรื่องความสัมพันธ์ต่างๆ ผ่านการใช้ชีวิตด้วยกันในวันนั้นๆ ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย และกินเวลายาวนานกว่า 20 ปี
หนังจากนิยายขายดีชื่อดังอีกเรื่อง ที่ได้ดาราหนุ่มหล่อสาวสวยอย่าง Jim Sturgress และ Anne Hathaway ที่มาเป็นคู่พระ-นางในบทเพื่อนสนิทข้ามทศวรรษ ที่หากดูไปแล้วหนังอาจจะไม่ได้มีความโรแมนติคหวานเลี่ยนนัก แต่กลับกันมันยังสะท้อนชีวิตและการเติบโตของพวกเขาเสียมากกว่า ซึ่งคนดูจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปีของพวกเขาว่า ชีวิตต่างได้ไปประสบพบเจออะไรมาบ้าง และนับว่าเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกมากเลยทีเดียว กับการเจอกันได้แค่ปีละ 1 วันเช่นนี้ จนคนดูเองก็อยากให้ทั้งคู่ลงเอยกันเสียทีอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
Made of Honor (2008)
ทอม หนุ่มเพลบอยหน้าหล่อที่ประสบความสำเร็จในชีวิต และมีเพื่อนสนิทอย่าง ฮันนาห์ เพื่อนสาวที่คอยอยู่กับเขามาโดยตลอดไม่ว่าจะยามสุขหรือเศร้า จนกระทั่งวันหนึ่งฮันนาห์ก็ได้เดินทางไปทำธุระที่สก็อตแลนด์ ในช่วงเวลานั้น ทอม ก็ได้รู้สึกเหมือนบางอย่างในชีวิตของเขาขาดหายไป และคิดว่า ฮันนาห์ เองเป็นคนสำคัญในชีวิตจนถึงกระทั่งจะขอเธอแต่งงานหลังกลับมา แต่เรื่องราวกลับพลิกผันเมื่อ ฮันนาห์ ได้หมั้นหมายกับหนุ่มคนอื่นไว้แล้ว แถมยังขอให้เขามาเป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งเสียอีก ทำให้ทอมนั้นจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะได้ ฮันนาห์ กลับมา
เหมือนหนังเป็นมุมกลับของหนังรอมคอมสุดคลาสสิคอย่าง My Best Friend’s Wedding เพียงแต่ใช้เป็นมุมตัวละครผู้ชายที่พบว่าเพื่อนสนิทที่ตัวเองแอบรักกำลังจะไปแต่งงานแทน มันเลยทำให้หนังสไตล์ Chick Flicks ที่ปกติทำมาเอาใจสาวๆ ก็มีมุมมองของผู้ชายเข้าไปบ้าง มุขของหนังก็ทำได้ออกมาครื้นเครงสนุก มีความน่ารักในเคมีของตัวละคร พร้อมกับการสร้างตัวละครที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียปนๆ กันไป ก็ยิ่งทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น แม้ว่าหนังจะเป็นสูตรสำเร็จไปหน่อย แต่ก็เป็นหนังแอบรักเพื่อนอีกเรื่องที่เพลินดีเลย
Friends with Benefits (2011)
ดีแลน และเจมี่ เพื่อนสนิทสองคนที่ต่างเคยมีความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวจนไม่อยากจะสานสัมพันธ์ต่ออีก เมื่อทั้งคู่ได้รู้จักกัน ความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนก็พัฒนาไปได้ด้วยดีจนไปถึงขั้นเพื่อนสนิท แต่ทั้งคู่อยากอยู่ด้วยกันในแบบที่ไร้พันธะผูกพัน และการผูกมัด พวกเขาจึงมีไอเดียวที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่มีแต่เพศสัมพันธ์ โดยที่ไม่ต้องเป็นอะไรกันนอกจากเพื่อน แต่พวกเขาจะแยกความรู้สึกนี้ออกมาได้หรือไม่
หนังอีกเรื่องสำหรับคนที่กำลังมองหาหนังรักที่มุมที่แปลกๆ ไปจากเดิม เช่นจากการรักกันธรรมดาก็เป็นเพื่อนที่สานสัมพันธ์กันด้วยเพศสัมพันธ์โดยไม่ให้มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องแทน ซึ่งด้วยรูปแบบการเล่า และการถ่ายทอดความสัมพันธ์ก็น่าจะถูกใจวัยรุ่นคนรุ่นใหม่กันอยู่ไม่น้อย เพราะมันก็เป็นเทรนด์ความสัมพันธ์อยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน ทำให้หนังดูได้สนุกมากในแง่ความเป็น Rom-Com แม้ว่าจะแอบรู้สึกเสียดายเล็กๆ ที่เล่าความสัมพันธ์ได้สดใหม่ แต่กลับเพลเซฟด้วยความเป็นสูตรสำเร็จที่เดากันได้ง่ายจริงๆ
Begin Again (2013)
แดน โปรดิวเซอร์ตกอับ เพราะไม่เคยรู้เอนจอยกับศิลปินและแนวเพลงใหม่ๆ อีกแล้ว วันหนึ่งเขาได้บังเอิญมาพบกับ เกรต้า สาวที่มีเสียงไพเราะ กับแนวเพลงในแบบที่เขาตามหา แดน จึงชวนเธอให้ได้มามีโอกาสมาทำงานร่วมกัน ซึ่งในขณะนั้น เกรต้า เองก็เพิ่งเลิกรากับแฟนหนุ่มที่มาทำตามฝันด้วยกัน แต่ด้วยความโด่งดังของอีกฝ่าย ประกอบความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เลยทำให้ เกรต้า แยกออกมาพอดี และได้ลองตัดสินใจร่วมงานกับแดน จนก่อให้เกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ชวนประทับใจ
หนังที่เหมาะมากๆ กับคนที่หลงใหลในเสียงเพลง โดยเฉพาะกับแนวป๊อปที่ฟังสบายความหมายดีๆ ที่พอเอาไปประกอบกับการเล่าเรื่องฟีลกู๊ดที่ดูสนุก เรียบง่าย มันเลยออกมาเป็นหนังที่อบอุ่นหัวใจ และพาเอาใจพองโตไปได้ง่ายมากๆ อีกทั้งด้วยความแมสของมันก็ทำให้ตัวหนังเข้าใจง่าย ไม่ต้องตีความเยอะ มีหลากหลายรูปแบบความสัมพันธ์ที่น่าจะชวนคนดูอินไปกับมันได้อยู่ นับว่าเป็นหนังเพลงน่ารักๆ อีกเรื่อง ที่หากใครชอบงานของ John Carney อย่าง Once และ Sing Street แต่มองว่ามันดูยากไปหน่อย ในส่วนของ Begin Again ก็น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีจากความแมสของมัน
What If
วอลเลซ เภสัชกรหนุ่ม ที่ไม่มีดวงกับความรัก เพราะต้องเจอกับเรื่องอกหักเข้ามาในชีวิตอยู่เสมอ จนกระทั่ง อลัน ลูกพี่ลูกน้องของ ชานทรี ได้แนะนำให้พวกเขาได้รู้จักกัน วอลเลซ ก็ได้ตกหลุมรัก ชานทรี ในทันที แต่น่าเสียดายที่เธอเองนั้นกลับมีคนรักอยู่แล้ว ทำให้ความสัมพันธ์แบบเพื่อนของทั้งคู่จึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะวอลเลซเองก็กลายเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ที่พยายามให้ตัวเองถอยห่าง ก่อนที่จะรักชานทรีไปมากกว่านี้
อีกหนึ่งหนังรักรอมคอมที่ดีงามมากๆ ในแง่ไดอาล็อคหรือบทพูดของเรื่องราว รวมถึงถึงฉากเจ็บ จิ๊ดๆ ที่ใส่เข้ามาได้กระตุกจิต กระชากใจมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีประสบการณ์ในการแอบรักเพื่อนสนิทมาก่อน แต่ก็กลัวว่าความสัมพันธ์มันจะเปลี่ยนหากได้บอกความรู้สึกออกไป ก็น่าจะยิ่งอินไปกับตัวละครของ Daniel Redcliffe มากๆ และน่าจะรู้สึกว่าทำไมหนังมันช่างโดนไปซะทุกดอกขนาดนี้ นับเป็นหนังแอบรักที่ลงตัวทั้งในแง่ฉากรัก ฉากเศร้า รวมถึงความฮาที่มีให้มากมายเลยทีเดียว
No String Attached (2011)
อดัม เคิร์ทซ์แมน เคยจีบ เอ็มม่า แฟรงคลิน เอาไว้ตอนเป็นวัยรุ่น แต่ด้วยความเงอะงะของเขาก็ทำให้คู่ไม่ได้ลงเอยกัน จงกระทั่งผ่านมา 15 ปี ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนเก่า จนจบลงกันด้วยเซ็กส์ที่ทั้งคู่พึงพอใจเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ทั้งคู่ต่างเจอกับความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ในชีวิตจนไม่อยากที่จะเริ่มใหม่กับใครอีก แต่กลับติดใจเรื่องราวบนเตียงของกันและกัน จึงตกลงกันที่จะสานต่อความสัมพันธ์กันด้วยมิตรภาพ และเซ็กส์เท่านั้น โดยห้ามเกิดความรักและความหึงหวงตามมาเด็ดขาด
หนังอีกเรื่องที่ออกมาพูดถึงความสัมพันธ์แบบเพื่อนกันมันส์ดี และออกมาได้ไล่เลี่ยกันกับหนังอย่าง Friends With Benefits ที่เล่าความสัมพันธ์แบบประเด็นเดียวกันเด๊ะ และคุณภาพของหนังทั้ง 2 เรื่อง ก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไร ในแง่ของการตั้งคำถามว่า คนเราจะเป็นเพื่อนที่มีเซ็กส์กันเพียงอย่างเดียว โดยที่ตัดความรักและความหึงหวงออกไปจากความสัมพันธ์จะทำได้หรือไม่? ซึ่งบทสรุปของหนังก็น่าจะพอเป็นคำตอบอยู่แล้ว หากใครที่ชอบหนังที่มีรูปแบบความสัมพันธ์แปลกๆ จากรอมคอมธรรมดาบ้าง ก็นับว่าตอบโจทย์ได้ดีเลย