หลังจากที่เขาเคยรับบทวายร้ายในจักรวาล DC อย่าง Joker แต่หนังดันไม่ประสบความสำเร็จจนไม่ได้ไปต่อ ในสัปดาห์นี้ เขาจะได้โอกาสแก้ตัวอีกครั้งในบท Anti-Hero ของจักรวาล Marvel ในบทของ Morbius ที่ทำให้เขาต้องแปลงโฉมอีกครั้ง จากแพทย์มือดี กลายเป็นแวมไพร์กระหายเลือดสุดสยอง ที่มีโอกาสได้เข้าไปแจมใน Marvel Cinematic Universe ในฐานะคู่ปรับของ Spider-Man ด้วย ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่การแปลงโฉมครั้งแรกของเขา เพราะก่อนหน้านี้ เขาได้ผ่านการเปลี่ยนโฉมหน้าจนเราแทบจะไม่ได้มาอีกเพียบ ซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ลองมาดูกัน

Nemo – Mr. Nobody

ในอนาคตโลกปี ค.ศ. 2092 เกิดเทคโนโลยีที่ทำให้มนุษย์ทุกคนในโลกนั้นเป็นอมตะไม่แก่ ไม่ตาย ทำให้ นีโม ชายคนสุดท้ายของโลกที่กำลังจะจากโลกใบนี้ในวัย 120 ปี จึงกลายมาเป็นคนดังที่สื่อตามมาสัมภาษณ์ว่าชีวิตของเขานั้นผ่านอะไรมาบ้าง นีโม ก็เลยตัดสินใจเล่าชีวิตของเขาให้ฟัง โดยเป็นเรื่องคู่ขนานของชีวิต 3 แบบที่เขาตัดสินใจต่างกันออกไป

อีกหนังที่สุดล้ำที่สร้างความงงงวยให้กับคนดูมามากมาย ด้วยวิธีเล่าเรื่องอันชวนปวดหัว แถมยังเป็นการแบ่งเหตุการณ์ เสมือนเป็นทางเลือกของโลกคู่ขนาน ว่าถ้าเข้าตัดสินใจแบบนี้ ณ ช่วงเวลานั้นชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร จนทำให้เราได้เห็นทางเลือกต่างๆ ของตัวละครที่แตกแขนงไปมากมาย ทำให้มันไม่ใช่หนังที่ดูง่ายแม้แต่น้อย แต่ก็เป็นหนังที่เหล่าคอไซไฟต่างก็ชื่นชมกันสุดๆ ส่วน Jared Leto ในบทตัวเอกตอนวัยหนุ่มก็หล่อเท่มาก และในวัยแก่ก็แต่งซะดีจนแทบจำไม่ได้เลย

Rayon – Dallas Buyers Club

ในปี 1985 รอน วู้ดรูฟ ชายหนุ่มที่ได้รับเชื้อ HIV มา และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 30 วันเท่านั้น ซึ่งในยุคนั้นโรคนี้ทำให้คนกลายเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอยู่มาก เลยทำให้เขาตัดสินใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เลยพยายามค้นหาวิธีการรักษาโรคนี้ด้วยตัวเอง ทั้งการลักลอบนำยาเถื่อนเข้ามา เขาเลยได้พบกับ เรย์ออน เพื่อนเกย์ที่มีเชื้อ HIV และได้ก่อนตั้ง Buyers Club ที่เป็นเสมือนชมรมสำหรับผู้ติดเชื้อให้เข้ามาร่วมลงขันและหาวิธีการรักษาไปด้วยกัน

หนังสร้างจากเรื่องจริงอีกเรื่อง ที่สะท้อนถึงสภาพสังคมในยุคนั้นที่รังเกียจโรค HIV เพราะเข้าใจว่าเป็นโรคที่ติดต่อของคนรักร่วมเพศ ซึ่งหนังก็ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นของตัวละครที่ดูแล้วก็ต้องรู้สึกอดเห็นใจไม่ได้ จนทำให้หนังนั้นได้ไปโลดแล่นชิงราวัลในหลายเวที และหลายสาขา ซึ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นออสการ์สาขาดารานำชายของ Matthew McConaughey และดาราสมทบชายของ Jared Leto ที่เรียกได้ว่าเป็นการแสดงระดับเทพทั้งคู่ และเป็นผลงานที่ดีที่สุดอีกเรื่อง Jared Leto ในบท LGBTQ ด้วย เรียกได้ว่าพลิกบทบาทกันสุดๆ เลยทีเดียว

The Joker – Suicide Squad

หลังจาก Superman ได้เสียชีวิตไปจากเหตุการณ์ที่ต่อสู้กับ Doomsday เลยทำให้เจ้าหน้าที่ อแมนดา วอลเลอร์ ที่ดูแลหน่วยงานของรัฐบาล จึงวางแผนสร้างทีม Suicide Squad จากการรวบรวมบรรดาอาชญากรรมตัวเอ้ของเมืองมารวมกัน เพื่อทำภารกิจบางอย่าง แต่ต่อสู้กับกลุ่มคนที่จะทำลายล้างโลก ซึ่งงานนี้ก็ไม่ได้ทำฟรีๆ เพราะเหล่าร้ายก็จะได้ลดโทษเป็นการตอบแทนด้วย แต่ในทางกลับกันพวกเขาก็สามารถโดนระเบิดหัวดับได้ หากนอกลู่นอกทางไม่ทำตามคำสั่งของอแมนดา

อีกหนังที่น่าเสียดายของค่าย DC ที่แม้ว่าจะขนเหล่าร้ายระดับ Top มามากมาย แต่กลับมีเนื้อเรื่องที่กลวง แถมระดับความโหดก็ยังไม่โดนใจแฟนๆ เท่าไรนัก (เพราะที่จริงแล้วมันควรเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของตัวละครชุดนี้เลย) ซึ่งหลายคนก็บอกว่าเป็นเพราะการแทรกแซงจาก Studio จนทำให้หนังออกมาสภาพเป็นแบบนี้ เลยส่งผลให้ Jared Leto ที่อุตส่าห์ได้บท Joker ทั้งที แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่เสียดายของมากๆ เพราะนอกจากบทจะไม่สงเขาแล้ว หนังยังดูไปต่อโดยที่ทิ้งตัวละครนี้ไปเลยซะอีก

Niander Wallace – Blade Runner 2049

หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก 30 ปี เค คือเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกรมตำรวจ LA ที่ยังคงได้รับมอบหมายให้ตามล่าเหล่า เรพลิแคนท์ หรือมนุษย์สังเคราะห์ ที่ยังหลงเหลืออยู่ และดูเหมือนว่าจะมี เรพลิแคนท์ คลอดออกมาจาก เรพลิแคนท์หญิงรายหนึ่งได้ด้วย และเมื่อสืบไปก็พบกับความเกี่ยวข้องบางอย่างในอดีต จนทำให้เขาจึงต้องออกตามหา นิค เด็คการ์ด อดีต Blade Runner ที่หายตัวไปกว่า 30 ปีด้วย

อีกหนึ่งหนังที่เป็นที่รักของคอหนังไซไฟเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าภาคแรกมันจะเจ๊งไม่เป็นท่าตอนออกฉาย แต่สุดท้ายดันกลายเป็นหนังในตำนานขึ้นมาซะงั้น จนปัจจุบันก็ขึ้นหิ่้งไปแล้ว แล้วภาคต่อก็ทำออกมาได้ดีเลย ทั้งคุณภาพงานภาพสวยๆ เนื้อเรื่องที่เสมือนต่อเรื่องกันมา โดย Jared Leto ก็รับบทชายตาบอดเท่ๆ ที่เป็นประธานบริษัทวอลเลซ นับว่าเป็นอีกตัวละครสำคัญของจักรวาล Blade Runner เลย และดูเหมือนว่าฉบับหนังที่ยาว 3 ชั่วโมงก็ยังไม่พอรองรับบทของเขา เลยต้องมีฉบับหนังสั้นสำหรับปูเรื่องราวของเขาเพิ่มขึ้นไปอีก

Paolo Gucci – House of Gucci

ปี 1978 เมาริซิโอ กุชชี หนุ่มนักเรียนกฏหมายทายาทกุชชี ตกหลุมรักกับ ปาทริเซีย เรจจิอานี ลูกสาวเจ้าของบริษัทอู่รถบรรทุก แม้จะถูกคัดค้านจากพ่อ โรดอลโฟ กุชชี แต่เมาริซิโอก็เดินออกจากครอบครัวกุชชี่ไปทำงานเป็นพนักงานอู่รถบรรทุกของพ่อปาทริเซียและตัดสินใจขอเธอแต่งงาน จากนั้นไม่นานเมาริซิโอก็ได้รับการทาบทามจากลุงอัลโด ผู้ก่อตั้งแบรนด์ และเป็นประธานบริษัทในตอนนั้น ให้มาช่วยงานด้านการปรับปรุงภาพลักษณ์ของกุชชีที่เริ่มถูกมองว่าเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ล้าสมัย และสะใภ้ตัวแสบอย่าง ปาทริเซีย ก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ยุยงให้สามีแตกคอกับคนในตระกูลเพื่อหวังฉกกิจการมาอยู่ในกำมือสามี

เรื่องฉาวโฉ่ของตระกูล Gucci ผู้สร้างแบรนด์สินค้าระดับสูงชื่อก้องโลก เมื่อถูกนำมาสร้างเป็นหนังเนื้อหามาในสไตล์ดราม่าออกแนวขี้อิจฉาแย่งชิงสมบัติอารมณ์คล้ายๆกับละครไทยหลังข่าวคนที่ชอบเนื้อหาทะเลาะกันแย่งชิงสมบัติหักหลังทรยศน่าจะถูกอกถูกใจเพราะมีความคล้ายๆกับเรื่องเลือดข้นคนจางพอสมควร ธุรกิจครอบครัวไม่เข้าใครออกใครจริงมันเลยกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่บั่นทอนทำลายครอบครัวได้เสมอมาถ้าหากไม่รู้จักคำว่าลิมิต ในหนังเรื่องนี้หากดูผ่านๆ เราจะไม่เห็น Jared Leto เลยด้วยซ้ำ เพราะเขาถูกแปลงโฉมอย่างโหด จนแทบจำไม่ได้ 

Dr. Michael Morbius – Morbius 

หนังเรื่องล่าสุดของ Jared Leto ที่พาเขาเข้าสู่จักรวาล Marvel ในฐานะ Anti-Hero ชื่อดังที่เป็นคู่ปรับของ Spider-Man อย่าง Morbius โดยหนังจะเล่าเรื่องราวของ ดร. ไมเคิล มอร์เบียส นักชีวเคมี ที่ดันมีโรคประหลาดเกี่ยวกับเลือดมาตั้งแต่เกิด เขาเลยดั้นด้นที่จะหาวิธีการรักษาตัวเอง และผู้ป่วยคนอื่นๆ ให้หายจากโรคนี้ให้ได้ แต่แล้วการรักษาของเขาดันเกิดความผิดพลาด จนทำให้เขานั้นกลายเป็นแวมไพร์ที่มีพลังพิเศษขึ้นมาแทน ซึ่งก็แลกมากับความกระหายเลือดที่ควบคุมไม่ได้ของเขา 

นับเป็นอีกหนัง Marvel ของทาง Sony อีกเรื่องที่น่าสนใจเรื่อง และแฟนๆ MCU ไม่ควรพลาดกัน เพราะการปรากฏตัวของ Vulture ในตัวอย่าง ก็การันตีได้แล้วว่า หนังจะต้องไปเชื่อมจักรวาลหลักแน่ๆ และอาจจะมีเซอร์ไพร์สกันหลายอย่างในเรื่องด้วย หนังเข้า 31 มีนาคมนี้แล้ว ห้ามพลาดเลยจริงๆ !