8 Sitcom สุดฮาน้ำตาไหล ที่จะพาให้คุณอารมณ์ดีขึ้น
ในยุคแบบนี้รับรองเลยว่าจะหาใครที่มีความสุขกับชีวิตแต่ละวันก็ดูท่าจะเป็นไปได้ยาก ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ จึงเป็นอะไรที่จำเป็นมาก ที่จะมาเติมชีวิตในช่วงนี้ ซึ่งสำหรับแอดมินเอง Sitcom ก็มักเป็นหนึ่งในทางออกนั้น เพราะชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น Situation Comedy หรือก็คือตลกจากสถานการณ์ ที่ส่วนมากนั้นมันมักจะทำให้เราคลายเครียดได้
ด้วยความที่ตอนนึงมีแค่ประมาณ 20 นาที แถมไม่ต้องถามหาสาระอะไรกับมันมาก นอกจากความฮา แต่หลายๆ เรื่องที่ว่ามันก็สอดแทรกแง่คิดบางอย่าง หรือความอบอุ่นหัวใจมาให้แบบเต็มสูบจนใจพองได้เหมือนกัน ทั้งหมดนี้อาจจะไม่ใช่ Sitcom ที่ดีที่สุดทั้งหมด แต่อย่างน้อยๆ มันก็เป็นเรื่องที่แอดเองดูแล้วชอบ รวมถึงยังหาดูได้ไม่ยาก เลยอยากที่จะเอามาแชร์กัน หากพร้อมแล้วก็เตรียมมาฮากันได้เลย
Friends (1994-2004)
เรเชล กรีน สาวสวยไฮโซที่หนีออกมาจากงานแต่งตัวเอง พร้อมกับโดนที่บ้านตัดญาติขาดมิตร จนมาหวังพึ่งพา มอนิกา เกลเลอร์ เชฟสาว จนได้กลายมาเป็นรูมเมทกัน โดยมีรอสส์ เกลเลอร์ พี่ชายของมอนิกา ที่คงสถานะพ่อหม้ายเพิ่งเลิกกับแฟนแต่แอบชอบ เรเชล มาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น จนเกิดเป็นเรื่องวุ่นๆ ตามมาพร้อมกับผองเพื่อนอย่าง โจอี้ ทริบบีอานี่ นักแสดงที่ไม่ดังสักที, แซนด์เลอร์ บิง นักธุรกิจที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำงานอะไรกันแน่, ฟีบี บุฟเฟย์ หมอนวดที่หลงใหลในการเล่นดนตรี
Sitcom สุดอมตะที่ผู้คนทั่วโลกต่างก็หลงรัก และดูท่ามันจะมีแฟนๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ออกฉายมาจนถึงวันนี้ จนนับได้ว่า Friends คืออีกปรากฏการณ์หนึ่งของ Sitcom อเมริกันที่มีความเป็นสากล และเข้าถึงได้ง่ายมากๆ ตลอดเวลาที่ออกฉายมันจึงได้รับแต่คำชมและกวาดรางวัลมาเพียบ ในส่วนของการที่ทุกตัวละครสามารถสร้างสีสันได้ไม่แพ้กัน ทุกคนมีความเป็นมนุษย์ทั้งข้อดีข้อเสียในตัวเอง (อาจจะยกเว้นความ Dumb ของโจอี้ไว้หน่อย) ทำให้สามารถดูเพลินกันได้แบบยาวๆ และหลายๆ คนก็ยังเอาไว้ฝึกภาษาได้อีกด้วย จนเมื่อไม่นานที่ผ่านมาก็ได้มี Friends Reunion ออกมาให้คนหายคิดถึงและน้ำตาซึมไปกับมิตรภาพที่อยู่ด้วยกันมานานจริงๆ
How I met your Mother (2005-2014)
เท็ด โมสบี้ หนุ่มสถาปนิกลูกสอง ที่จะเล่าเรื่องให้กับลูกๆ ของพวกเขาฟังว่า เขานั้นได้มาเจอกับแม่ของลูกๆ ได้อย่างไร ผ่านเรื่องราวมิตรภาพอันแน่นแฟ้น ที่ประกอบไปด้วย ป้าโรบิน เชอร์บาสกี้ หญิงสาวนักข่าวที่เขาตกหลุมรักทันทีตั้งแต่แรกพบ แต่กลับไม่ใช่คนที่เป็นแม่ของลูกๆ, คู่รักเพื่อนสนิมอย่าง มาแชล เอริคสัน และ ลิลลี่ อัลดริน ที่รักกันอย่างสุดหัวใจมาตั้งแต่สมัยเรียน รวมถึง บาร์นี่ สตินสัน หนุ่ม Playboy สุดฮาที่ชอบมีพฤติกรรมและแนวคิดแปลกๆ
อีก Sitcom ที่คนมักเอาไปเปรียบเทียบกับ Friends อยู่เสมอ ในแง่ที่มันแทบจะเหมือนกันในหลายๆ องค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กลุ่มเพื่อน ที่แทบจะเทียบตัวละครกันได้หมด อย่าง เท็ด = รอส, โรบิน = เรเชล, มาแชล = แชนด์เลอร์, ลิลลี่ = มอนิก้า และ บาร์นี่ย์ ที่ดูเป็นส่วนผสมของ โจอี้ + ฟีบี รวมถึงยังมีบาร์อันเป็นสถานที่นัดพบและที่อยู่ของตัวละครที่ดูไม่ต่างอะไรจากใน Friends เลย แต่ How I met your Mother ก็ยังมีพื้นที่ในการสร้างสรรค์มุขตลก แต่โครงเรื่องจากความรักๆ เลิกๆ ในแบบของตัวเอง รวมถึงให้คนดูได้ลุ้นๆ กันไปว่าตกลงแล้วใครจะเป็น แม่ ในเรื่องกันแน่ ซึ่งในแง่ความบันเทิงภาพรวมที่ออกมานั้น แอดก็ว่าไม่แพ้ Friends เลย
Big Bang Theory (2007-2019)
เลนเนิร์ด ฮอฟสแตดเตอร์ และ เชลดอน คูเปอร์ สองหนุ่มรูมเมท สุดอัจฉริยะด้านฟิสิกส์ แต่ดันมีปัญหาด้วยความเนิร์ด และนิสัยสุดประหลาดหลายอย่าง เลยเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ จนวันหนึ่งได้มีสาวสวยอย่าง เพนนี ได้ย้ายมาอยู่ตรงข้ามห้อง จน เลนเนิร์ด ก็ตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง จึงพยายามทำความรู้จักมากขึ้น ท่ามกลางเพื่อนๆ สุดประหลาดพอๆ กันอย่าง ฮาเวิร์ด วอโลวิช นักวิศวกรรมอวกาศที่ยังอาศัยอยู่กับแม่ และ ราจ คูธราพาลี นักดาราศาสตร์เชื้อสายอินเดียที่ไม่กล้าพูดกับผู้หญิง
Sitcom ที่สายเนิร์ดจะต้องตกหลุมรักแบบเต็มๆ อย่างแอดเองก็รักมันมากๆ ด้วยความที่ตัวละครในเรื่องแต่ละตัวมันประหลาดสุดขั้ว จน เพนนี ดูเหมือนจะกลายเป็นตัวละครปกติคนเดียวที่คนดูนั้นยึดโยงได้ แต่ด้วยความสร้างคาแรคเตอร์ที่สุดประตูอย่าง เชลดอน นี่แหละ มันเลยทำให้ Sitcom ชุดนี้มีเสน่ห์เหลือล้นไม่เหมือนใคร และทำให้เราจะเกลียดตัวละครนี้ก็เกลียดไม่ลง แม้ว่าเขาจะมีนิสัยแปลกสุดๆ ก็ตาม ความแตกต่างของเรื่องคือมันจะเหมาะกับสายเนิร์ดมากๆ เพราะบทสนทนาและมุขตลกก็จะวนเวียนอยู่กับ Comic, หนัง หรือ Pop Culture ต่างๆ ที่หากใครเข้าใจ หรือตามเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว รับรองเก็บความฮากันครบทุกเม็ดแน่ๆ
The Simpsons (1989 – On Going)
ครอบครัว Simpsons ประกอบไปด้วย โฮเมอร์ และมาร์จ ที่เป็นพ่อและแม่ของบ้าน รวมถึงลูกๆ อีก 3 คน อย่าง บาร์ท, ลิซ่า และ แม็กกี้ ที่สะท้อนภาพครอบครัวของชนชั้นกลางในอเมริกัน ผ่านยุคสมัยต่างๆ ในประเทศอเมริกา และเสียดสีสถานการณ์เหล่านั้นไปด้วย
อีกหนึ่ง Sitcom อมตะที่อยู่คู่กับคนอเมริกันมากว่า 30 ปี ที่แม้ว่าจะทำออกมาในลักษณะของการ์ตูน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่เหมาะสำหรับเด็กเลย เพราะมันมุ่งน่าเสียดสี และขยี้ประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นรายวันในอเมริกาออกมาได้อย่างสนุกสนาน ผ่านมุมมองของของแต่ละตัวละครในครอบครัว รวมถึงยังหยิบเอาบรรดา Pop Culture หรือบรรดาคนดังเซเลบมาล้อกันอย่างสนุกสนาน ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นซีรี่ส์ทำนายอนาคต ไม่ว่าจะเป็นราคาของ Bitcoin ที่พุ่งขึ้น หรือการเป็นประธาธิบดีของ Trump ก็ตรงตามในเรื่องหมดเลย
Modern Family (2009-2020)
เจย์ พริตเชตต์ หนุ่มใหญ่ที่เพิ่งแต่งงานใหม่กับ กลอเรีย เดลกาโด้ สาวโคลัมเบียรุ่นลูกสุดเซ็กซี่ ที่มีลูกติดอย่าง แมนนี่ เดลกาโด้ เขานั้นได้มีลูกสาวอย่าง แคลร์ ดันฟี ที่ออกไปแต่งงานมีครอบครัวกับ ฟิิล ดันฟี พร้อมทั้งลูกๆ อีก 3 คน นอกจากนี้ยังมีลูกชาย อย่าง มิชเชล พริตเชตต์ ซึ่งเป็นเกย์ที่แต่งงานกับ แคม และอุปการะ ลิลลี่ เด็กสาวเวียดนามมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นทารก ซึ่งทุกคนก็ต่างได้เผชิญกับชีวิตวุ่นๆ ในครอบครัวตัวเอง
Sitcom ชั้นเยี่ยมสำหรับสายครอบครัวสุดๆ เพราะมันเดินหน้าคว้ารางวัลซีรี่ส์ยอดเยี่ยมมาโดยตลอดจากหลายเวที ด้วยความที่มันถ่ายทอดออกมาได้สมชื่อ Modern Family หรือครอบครัวสมัยใหม่ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทั้งชาติพันธุ์ และความหลากหลายทางเพศที่เข้ามาเป็นครอบครัวกันอย่างลงตัว รวมถึงในแง่ของคนต่างวัยที่มีมุมมองคนละ Gen ที่ดีมากๆ ไม่ว่าเป็นคนรุ่น Baby Boomer อย่าง เจย์, พ่อแม่ Gen X อย่าง ฟิล และมิชเชล ไปจนถึงเด็กๆ รุ่น Gen Y หรือ Millinial ที่เหลือ ก็มีมุมมอง แนวคิดที่ต่างกัน แตทั้งหมดนี้ก็อยู่รวมกันภายใต้คำว่า ‘ครอบครัว’ มันเลยนอกจากจะให้มุมที่ตลก บันเทิงแล้ว แต่ละตอนยังอบอุ่นหัวใจ จนแอบน้ำตาซึมกันเลย เป็นของดีที่ Recommend สุดๆ!
The Office (2005-2013)
ไมเคิล สก็อต ผู้จัดการสาขาของบริษัทผลิตกระดาษ ดันเดอร์ มิฟฟลิน ที่เมืองสแครนตัน เพนซิลเวเนีย ที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวชวนหัวในออฟฟิศแต่ละวัน ที่จะเปลี่ยนให้เรื่องราวในที่ทำงานสุดน่าเบื่อ การมาเป็นสถานที่หฤหรรษ์สุดฮาของพนักงานแต่ละคน ในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
อีก Sitcom สุดชาญฉลาด ที่ต้นฉบับมาจากทางฝั่งอังกฤษที่ฉายในช่อง BBC ที่ทำออกมาได้เฉียบจนหลายๆ ประเทศต้องเอาพล็อตเรื่องไปดัดแปลงทำให้เข้ากับวัฒนธรรมการทำงานของประเทศตัวเอง (โดยเฉพาะในแถบยุโรป) และในเวอร์ชั่นที่คนพูดถึงมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นฉบับอเมริกันที่ได้ดาราตลกดาวรุ่งอย่าง สตีฟ คาเรล มารับบทนำในฐานะผู้จัดการสาขา ซึ่ง Sitcom ออกแบบสถานการณ์และบทสนทนาในเรื่องออกมาได้อย่างชาญฉลาดมากๆ ต่อให้บางจุดไม่ขำก็ยังอดคิดไม่ได้ว่ามันเจ๋งเหลือเกินที่คิดอะไรแบบนี้ออกมาได้ นับเป็นอีก Sitcom ตลกคุณภาพที่ไม่ควรพลาดกันจริงๆ
Brooklyn 99 (2013-2021)
เจค พีรอลต้า นายตำรวจฝีมือดีแต่มีนิสัยเด็ก หนึ่งในสมาชิกของเจ้าหน้าที่ในสถานีตำรวจเขต 99 ของเมืองบรูคลินในนิวยอร์ค โดยในแต่ละวันเขามักทำงานแข่งกับเจ้าหน้าที่ เอมี่ ซานติอาโก เจ้าหน้าที่สืบสวนโต๊ะข้างเคียงที่เสน่ห์เหลือล้น ว่าใครจะสามารถปิดคดีได้มากกว่ากัน แล้วเรื่องราวก็ยิ่งวุ่นกว่าเดิม เมื่อสถานีนี้กลับได้ผู้บัญชาการคนใหม่มาดเคร่งขรึมที่เข้ามาดูแลที่แห่งนี้ จนเกิดเป็นความครื้นเครงไปไขคดีกันไป
เรียกได้ว่าฉีกออกมาจากแนวๆ เพื่อนฝูงและครอบครัวกันมา แล้วจัดฉากหลังมาเป็นสถานีตำรวจกันบ้าง ซึ่งโดยปกติแล้วซีรี่ส์ในแนวๆ ตำรวจ หรือแนวๆ สืบสวนนั้น มักเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม มีมาดเท่ในการสืบคดี แต่ไม่ใช่กับทีมนี้ ซึ่งบทมันก็ดันฉลาดมากๆ เพราะมันไม่ได้มุ่งทำให้ตำรวจหรือเจ้าหน้ที่เป็นตัวตลก แต่กลับให้แต่ละคนมีความสามารถที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง แต่สถานการณ์ต่างหากที่พาให้พวกเขาตลก มันเลยออกมาเป็นส่วนผสมที่ฉามากๆ ฮาแบบไม่มีสาระ ฮาบ้า ฮาบอ จนตอนแรกแอบเสียวว่าจะโดนตัดจบ ก็ได้ไปต่ออย่างสวยๆ เลย
ตัวอย่างฉากฮาๆ ใน Brooklyn 99 ที่ตามหาคนร้ายที่ร้องเพลง คือลั่นท้องแข็งมาก https://www.youtube.com/watch?time_continue=52&v=HlBYdiXdUa8&feature=emb_title
- Mr. Bean (1990 – 1995)
Mr. Bean ชายผู้สร้างความวายป่วงได้ในทุกๆ กิจกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งจากฉากเปิดของเรื่องราวของเขา ดูเหมือนเข้าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ถูกส่งลงมาจากฟ้าเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับมนุษย์ หรือไม่ก็เป็นมนุษย์ที่สร้างความวายป่วงจนบนฟ้ายังต้องส่งกลับมาเพราะรับไม่ได้
น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก Mr. Bean ยกเว้นแต่ว่าคุณจะเป็นคนรุ่นใหม่มากๆ จริงๆ เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีช่องหลากสีก็เอามาฉายวนกันอยู่ตลอด จนทำให้คนดูต่างจดจำ Sir Rowan Atkinson ในบท Mr. Bean กันได้เสมอมา โดย Sitcom ชุดนี้จริงๆ แล้วไม่มีอะไรมาก จากการเล่าถึงชีวิตประจำวันของชายคนหนึ่งที่สร้างความวายป่วงในชีวิตประจำวันตามสถานที่ต่างๆ แต่ต้องชื่นชมนักแสดงอย่าง Rowan จริงๆ ที่รับบทนี้ได้ดีเกินเบอร์มาก ประหนึ่งเป็น Charlie Chaplin ของยุคนี้ก็ว่าได้ ด้วยการแสดงแบบละครใบ้ที่ต้องเน้น สีหน้าและท่าทาง ก็เรียกได้ว่าทำออกมาสุด จนเรียกเสียงฮากันได้ตั้งแต่เห็นหน้ายังไม่ต้องทำอะไรแล้ว นับเป็นอีก Sitcom คลาสสิคที่จะดูอีกกี่ทีก็ยังหัวเราไปกับมันได้เสมอ