เรื่องย่อ

สารคดีที่นำเบื้องหลังการทำอัลบั้ม Folklore อัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 8 ที่ผุดอัลบั้มใหม่ออกมาในช่วงโควิด ที่มาพร้อมกับ 16 เพลง + 1 เพลงในอัลบั้ม แถมยังพูดถึงวิธีการทำงานวิธีการทำเพลง ในแต่ละแทร็กและบรรเลงออกมาได้แบบสุนทรี ว่าง่ายๆคือต่อให้ไม่เป็นแฟนเพลงคุณจะเต็มอิ่มไปกับเสียงร้องของ Taylor แน่ๆ

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับสารคดี Folklore: The Long Pond Studio Sessions แฟนๆที่ชอบงานของ Taylor Swift คงจะประทับใจไม่มากก็น้อย เหมือนได้ฟังผลงานจากศิลปินที่ได้ทำเพลงในสไตล์ Folk ที่เรียบง่ายบรรยากาศสุนทรีมาก ทั้งการร้องและการบอกถึงแรงบันดาลใจที่มาที่ไปของเนื้อหาในเพลง ถ่ายทอดออดมาได้มีชั้นเชิงถูกอกถูกใจคนที่มีบาดแผลความเจ็บช้ำ คนที่ชอบหนังสารคดีที่มีเพลงประกอบน่าจะอิ่มเอมไปกับการเล่าเรื่องผ่านเสียงเพลงของแม่ Taylor แน่ๆ เพราะเหมือนกับเราได้ดูโชว์ที่มีน้ำมีเนื้อกว่าตอนได้ฟังเพลงจากสตรีมมิ่งด้วยซ้ำ

• สายหนังที่ชอบ Taylor Swift
• สายหนังที่ชอบสารคดี
• สายหนังหลงใหลกับเสียงเพลง

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ออกตัวก่อนเลยว่าไม่ได้เป็นคนที่ฟังเพลงของ Taylor Swift เลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่เนเชอร์เราคือการชอบดูสารคดี โดยเฉพาะดนตรีเลยทำให้มาเปิดใจทำความรู้จักงานของขุ่นแม่เธอจนได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงยืดหยัดอยู่ในวงการเพลง เขียนเพลงเอง โปรดิวเอง พิสูจน์แล้วว่าเธอมีความสามารถ ไม่ได้แค่สวยอย่างเดียวเลย แต่ยังเป็นผู้หญิงที่ฉลาดในการนำเสนอเนื้อหาประเด็นต่างๆเอามาเล่าเป็นเนื้อเพลงได้แบบแยบยล ไม่แปลกใจเลยที่อัลบั้มชุด Folklore ที่เกิดมาจากการถูก Cancel งานเพราะโควิด 19 จะกลายเป็นอัลบั้มที่เศร้า เหงา เยียวยาความรู้สึกตัวเธอเองและคนฟัง 3 เดือนเศษที่เจอวิกฤติแต่เธอบรรเลิงเพลงออกมาจนกลายเป็นอัลบั้มเต็มที่กล่อมเราซะสะดุ้งไปกับห้วงทำนองเนื้อหาเพลงจนอยู่หมัด

Taylor เลือกจะหยิบและทำเพลงในสไตล์แบบ Folk ตามชื่ออัลบั้ม Feeling จึงเรียบง่ายฟังสบายตอบโจทย์ผู้คนที่เจอความผิดหวัง การร้อยเรียงเนื้อหาเพลงแฝงไปด้วยภาษาที่คมคาย แง่คิดที่เราต้องกลับไปมองบ้างสิ่งบ้างอย่างใหม่อีกครั้ง ผสมผสานกับซาวนด์ดนตรีที่มีกลิ่นดนตรีชนบท เน้นเครื่องสายและเปียโนเป็นหลัก ขับเสียงร้องของเทย์เลอร์และนักร้องรับเชิญให้หนักแน่น ได้อารมณ์มากขึ้น ในบางแทร็กมีซาวนด์ใหม่ๆ มาสร้างความแปลกใหม่ให้คนฟังเหมือนกัน นอกจากเพลงที่บรรเลงออกมาในสารคดี สิ่งที่ทำให้งานชุดนี้ไหลลื่นคือการเล่นสดที่มาพร้อมบรรยากาศแสนชิลล์ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ มีแม่น้ำไหลผ่าน กับเพื่อนร่วมงานที่เข้ามาตบแต่งให้ทุกอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน มันเลยเป็นการแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่เรียบง่าย เป็นกันเอง เห็นวิธีการคิด การแสดงความคิดเห็น และแน่นอนว่า เสียงร้องแบบสดๆ ที่ทำให้เราอินกับการฟังอัลบั้มนี้มากงานที่แผ่นเสียอีก ว่าง่ายๆคือปัญหาอุปสรรคจากโควิดทำให้เธอตีโจทย์แตกที่จะใช้เพลงที่เธอคิดมาช่วยขับกล่อมความรู้สึกคนนั้นเอง

พอมานั่งฟังเพลงแล้วรู้สึกว่างานเหมือนดั่งบทกวี ไม่ต้องมาเพ้อฝันอะไรเลย ตอนที่ได้ยินเพลงเปิดตัวอัลบั้ม Cardigan เหมือนกำลังโดนอะไรบ้างอย่างสะกดจิตเอาไว้ให้ต้องฟังซ้ำๆหลายรอบ เรารู้สึกว่า Taylor มีมุมมองชีวิตทุกอย่างที่เติบโต ตีโจทย์แตกทำให้คนฟังเข้าใจได้ไม่ยาก ไม่แปลกใจเลยที่เธอเป็นขวัญใจแฟนเพลงมากมาย บางครั้งความเจ็บปวดก็เป็นพลังชั้นดีทำให้เราไม่ต้องล้มเหลวผิดพลาดซ้ๆซากๆ ถ้าคนรักไม่ใช่ตัวจริง ไม่ต้องดันทุรังก็แค่เดินจากไปก็แค่ไหน เพลงเนื้อหาความรักมักจะขายผู้หญิงได้มากอยู่แล้ว ส่วนแทร็กอื่นที่เราชอบในงานชุดนี้ก็มี exile (feat. Bon Iver) เนื้อหาบาดลึกพูดถึงความรักครั้งเก่าที่เจ็บปวด คือฟังเพลงก็สะเทือนใจไปเลยจ้า แถมได้ศิลปิน Folk จริงๆมาช่วยอย่าง Bon Iver อีกได้มุมมองทั้งชายและหญิงที่ร้องโต้ตอบกันไปมา epiphany เพลงที่บัลลาดมากทีความแปลกใหม่ รวมถึง llicit affairs ที่เนื้อหากัดจิกคนที่เป็นเสมือนชู้รัก คือแบบแสบมากที่ทำเนื้่อหาออกมาสไตล์แบบนี้ จริงๆชอบทุกแทร็กแต่ยกตัวอย่างออกมาไม่ไหวเยอะเกิน เอาแค่นี้หอมปากหอมคอพอ