The Bourne Identity (2002)
ล่าจารชน คนอันตราย
คะแนน
โกดังหนัง
สุดยอดหนังสายลับยอดจารชน ที่สร้างพื้นที่แจ้งเกิดให้ตัวเองได้อย่างสวยงาม มีครบรสในความเป็นหนังสายลับที่สมจริงมากๆ
คำคมจากภาพยนตร์
“I don’t send you to kill. I send you to be invisible. I send you because you don’t exist.” “ฉันไม่ได้ส่งแกไปเพื่อฆ่า ฉันส่งแกไปให้ไม่มีใครเห็น ฉันส่งแกไปเพราะแกนั้นไม่มีตัวตน”
เรื่องย่อ
ชาวประมงได้พบกับชายปริศนาลอยอยู่กลางทะเล และได้ทำการช่วยเหลือเอาไว้ เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็พบว่าจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เลย แถมยังมีบาดแผลจากการถูกยิงเข้าที่หลังด้วย จนทำให้เมื่อขึ้นถึงฝั่ง เขาจึงเริ่มออกตามหาความจริงที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ แต่เมื่อยิ่งค้นหาก็ยิ่งประหลาดใจ เมื่อเขาเองนั้นกลับมีสกิลที่หลากหลาย ทั้งการพูดภาษาต่างประเทศได้หลายภาษา และความสามารถในการต่อสู้สุดโหด เมื่อยิ่งถลำลึกลงไปเท่าไร เขาก็ยิ่งพบกับอันตรายในชีวิตจากบรรดานักฆ่าที่ถูกส่งมามากเท่านั้น
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Bourne Identity นั้นจะเหมาะกับคอหนังแอคชั่นสายลับอยู่แล้ว หรือกับคนที่เป็นแฟนตัวนิยายต้นฉบับมาก่อนก็น่าจะชอบในเวอร์ชั่นหนังนี้เช่นกัน เพราะด้วยความสนุกแบบหนังสายลับที่ไม่ได้เห็นมานาน ด้วยเนื้อเรื่องตามฉบับหนังจารชน ที่อาศัยการชิงไหวชิงพริบ และทักษะการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดก็ทำออกมาได้ดีเหลือเกิน จนไม่แปลกใจนักหากคอหนังสายลับในยุคหลังๆ จะเก็บ The Bourne Identity เอาไว้ในดวงใจมาโดยเสมอ ก็ถ้าหากใครชอบหนังสายลับโทนจริงจัง แบบ Bond ในยุค Daniel Craig แล้ว จะชอบหนังตระกูลนี้ไม่ยากเลย
- สายหนังแอคชั่นสายลับ
- สายหนังจารชนสุดมันส์
รีวิว / สรุปเนื้อหา
จากนิยายสายลับชื่อดังของ Robert Ludlum ในชื่อ The Bourne Identity (และมีชื่อไทยแปะปกในเวอร์ชั่นหนึ่งว่า กูชื่อ เจสัน บอร์น) สู่จอภาพยนตร์ด้วยการต้อนรับกันเป็นอย่างดีจากแฟนๆ หนังสายลับหรือสไตล์จารชน ด้วยความที่ตัวหนังดำเนินเรื่องในแบบให้คนดูรับรู้ไปพร้อมๆ กับตัวเอกถึงที่มาที่ไปและอดีตของเขา ว่าเหตุใดถึงมาลงเอยลอยกลางทะเลแบบตอนเปิดเรื่องได้เช่นนี้ ซึ่งหนังก็กระตุ้นความอยากรู้คนดูได้เป็นอย่างดี ไปพร้อมๆ กับการค่อยๆ ปล่อยทักษะใหม่ๆ ของตัวเอกออกมาให้ติดตามได้ตลอด
ในระหว่างภารกิจการตามหาตัวตน ก็เพิ่มความมันส์แบบทวีคูณไปอีก จากการถูกตามล่าจากองค์กรนักฆ่าที่ส่งมาแต่คนฝีมือดีเพื่อกำจัดเขา ซึ่งในซีนเหล่านี้ก็จะเป็นการโชว์ฉากแอคชั่นอันเหนือล้ำ ที่อะไรใกล้ตัวก็ล้วนแล้วแต่หยิบเอามาใช้เป็นอาวุธในการฆ่ากันได้หมด ซึ่งพอนำมาปรับใช้กับมุมกล้องอันแสนดุเดือด และจังหวะตัดต่อชวนลุ้นก็เลยให้ฉากแอคชั่นของหนังออกมาดู ดุ เดือด ดิบ ดีมากๆ จนได้ฉากแอคชั่นที่สมจริงได้ใจใครหลายๆ คน
ในการแคสนักแสดงบทหลักมาเรียกได้ว่าเหมาะสมมากๆ กับ Matt Damon ที่จริงๆ ในตอนนั้นก็ดังมากอยู่แล้วในหนังหลายๆ เรื่อง เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ตัวคาแรคเตอร์อย่าง Jason Bourne มันกลับดันให้เขาทะยานขึ้นไปอีกในฐานะดาราสายแอคชั่นที่มีบทบาทที่น่าจดจำจนกลายเป็นอีกหนึ่ง Iconic บนโลกภาพยนตร์ได้ไม่ยาก ยิ่งมาประกอบกับบทหนังที่ดีๆ และจังหวะการดำเนินเรื่องที่สนุกแล้วจึงไม่แปลกใจว่าทำไมหนังถึงยังได้ไปต่อมาได้ถึง 5 ภาคแล้ว และภาคนี้ก็เป็นจุดกำเนิดที่เข้มข้นถึงใจจนทำให้ตำนานสายลับคนนี้จะอยู่ในใจคอหนังสายลับกันไปอีกนาน
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ ที่เจ้าของนิยายอย่าง Robert Ludlum ที่เป็นต้นฉบับของหนังเรื่องนี้ได้เสียชีวิตตอนทำ Post Production ของหนังพอดี เลยไม่ทันได้เห็นตัวละครของตัวเองมาโลดแล่นบนโลกภาพยนตร์ (แต่ด้วยความที่หนังก็เอาบทมาแค่หลวมๆ การไม่เห็นเลยอาจจะรู้สึกดีกว่า)
- Matt Damon ไปฝึกศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อว่า Kali ของฟิลิปปินส์ก่อนที่จะมาเล่นหนังเรื่องนี้ โดยหลักการหนึ่งของ Kali ก็คือการเอาแรกพลังและความโกรธของอีกฝั่งมาเล่นงานอีกฝั่งเองโดยที่ตัวเองถนอมแรงเอาไว้ และดูท่า Matt เองจะชอบฉากแอคชั่นเอามาก เพราะหลายๆ ฉากอย่างการไต่ระเบียงกระโดดอะไรต่ออะไรเขาก็เล่นเองทั้งนั้น