เรื่องย่อ

เรื่องราวของชายหนุ่มผู้เงียบขรึมผู้มีชีวิต 2 พาร์ท เวลากลางวันเขาคือสตั๊นท์แมน และทำงานเป็นช่างซ่อมรถในอู่ แต่เมื่อถึงเวลากลางคืนเขาคือโชเฟอร์ขับรถรับจ้างพาโจรหนีตำรวจ ทว่าชีวิตเปลี่ยนไปเมื่อ ไดร์เวอร์ กลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนที่อันตรายที่สุดในแอลเอ หลังไปช่วยเหลือ ไอรีน สาวข้างห้องที่ถูกทำร้าย และเมื่อถูกไล่ล่า สิ่งเดียวที่ ไดร์เวอร์ สามารถทำได้เพื่อความอยู่รอดก็คือ....ซิ่ง!

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Drive นั้นคือหนังที่ทำมาเพื่อคอหนังสายทริลเลอร์อาชญากรรม บทหนังที่เรียบง่ายแต่ใส่กิมมิคที่น่าสนใจ ตัวละครทำหน้าที่โชเฟอร์รับส่งของผิดและถูกกฏหมายทุกชนิดเพื่อค่าตอบแทนที่สูง หนังไม่ได้ไปเน้นฉากบู๊ให้ตัวละคร แต่ปล่อยให้พระเอกได้โชว์ทักษะการซิ่งรถที่มันส์ไม่แพ้เรื่องไหนเหมือนกัน หนังมีความอาร์ทและดิบเถื่อนมาก

• สายหนังแอ็คชั่นมันส์ระห่ำ
• สายหนังแอ็คชั่นรถซิ่ง
• สายหนังอาชญากรรม

รีวิว / สรุปเนื้อหา

แฟนหนังมากมายยกย่องให้หนังเรื่องนี้คือผลงานที่ดีสุดของ Ryan Gosling แม้ว่าหน้าหนังจะดูเล็ก แต่เนื้อเรื่องดุเดือดเข้มข้นและมีความอาร์ทอยู่ในตัวสูงมาก การดำเนินเรื่องโฟกัสไปที่ Driver ตัวละครของ Ryan ที่จะพาคนดูไปสัมผัสชีวิตว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ ทำงานถูกกฏหมายและผิดกฏหมาย สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องทำงานเพื่อความอยู่รอด เมื่อเลือกจะใช้ชีวิตบนความเสี่ยงสุดท้ายก็ต้องโดนตามล่าที่เขาต้องงัดสกิลออกมาตอบโต้แก๊งมาเฟียที่ต้องการกำจัดเขา

นอกจากปมดราม่าและฉากแอ็คชั่นซิ่งรถแล้ว อีกจุด 1 ที่ยกระดับหนังให้น่าดูคือ การถ่ายทำให้อารมณ์ที่ลุ้นระทึกอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ เพลงประกอบ และอารมณ์ของตัวละครหลักทั้งหลาย ที่มาพร้อมกับความนิ่ง เงียบ และ สุขุม ก็ต่างทำให้หนังเรื่องนี้นั้นดู สนุก และ ไม่น่าเบื่อ โดยเฉพาะด้านส่วนของ ความอาร์ททุกมุม ไม่ว่าจะเป็นการจัดแสงสี และ การถ่ายภาพ ที่ไม่แปลกใจทำไม Nicolas Winding Refn ถึงได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเมืองคานส์

อยากให้แฟนหนังที่ชื่นชอบ Ryan Gosling ลืมภาพสุภาพบุรุษนักเปียโนจาก La La Land หรือผลงานเก่าๆจาก Crazy, Stupid, Love, The Notebook, Blue Valentine ทิ้งไปซะ เพราะบทบาท Driver พลิกโฉมหน้าฝีมือการแสดงออกมาเยอะมากทั้งสีหน้าและแววตา ทำให้อารมณ์หนังมันมีทั้งฉากเหงา เศร้า แอ็คชั่น ปะปนกันไป พิสูจน์ว่าเขาเล่นเป็นคาแรกเตอร์ไหนก็ได้