Kick-Ass (2011)

เกรียนโคตรมหาประลัย

Kick-Ass Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

มันส์เต็มพิกัดไปกับหนังสายฮีโร่ติดดิน ที่เหนือชั้นจากการฝึกฝน แถมเต็มไปด้วยตัวละครน่าสนใจ กับเนื้อเรื่องเข้มข้น ที่มอบบทเรียนชั้นดี

หมวดหมู่ : Action Comedy Crime
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Matthew Vaughn
ความยาว : 1 ชั่วโมง 57 นาที
นักแสดงนำ : Aaron Taylor-Johnson, Nicolas Cage, Chloë Grace Moretz

คำคมจากภาพยนตร์

“At some point in our lives we all wanna be a superhero.”
“ในช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต เราก็อยากที่จะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ด้วยกันทั้งนั้น”

เรื่องย่อ

เดฟ เด็กหนุ่มลูสเซอร์ ที่อยากจะเป็นฮีโร่กับเขาบ้าง เลยจัดแจงตัดชุดในฐานะ “Kick Ass” เพื่อออกไปต่อสู้กับคนไม่ดีในสังคม โดยที่ตัวเองไม่มีความสามารถอะไร ก็เลยโดนยำกลับมาอยู่เสมอ จนกระทั่งเขาได้พบกับฮีโร่ศาลเตี้ยพ่อลูกอย่าง Big Daddy และ Hit Girl ที่ฝึกฝนความสามารถ เพื่อต่อสู่กับเหล่าร้ายอย่างจริงจัง เขาเลยได้มีโอกาสไปเข้าร่วม เพื่อต่อกรกับ แฟรงค์ ดี อามิโก้ และลูกชายคริส แก๊งมาเฟียที่ชั่วร้ายในนิวยอร์ค

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Kick-Ass นั้นคือหนังสไตล์ฮีโร่อีกเรื่อง ที่อาจจะไม่ได้โดดเด่นในเรื่องพลังพิเศษเหนือมนุษย์อะไร แต่กลับเล่าเรื่องฮีโร่ในแบบติดดิน และมีความเป็นมนุษย์ที่อยากช่วยเหลือคนอื่นเป็นอย่างมาก ผ่านคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจแต่ละตัวในเรื่องที่กระจายบทได้ดีและมีมุมเด่นเป็นของตัวเอง ซึ่งใครที่คาดหวังความจัดใหญ่อลังการ และสเกลพลังจัดเต็มนั้น อาจจะไม่ได้อย่างที่หวัง และอาจต้องผายมือไปทางค่าย Marvel และ DC แทน แต่ใครที่ชอบหนังฮีโร่แบบติดดินที่มีความขี้โม้ ผสมความโหดเลือดสาดอย่าง Kingsman: The Secret Service หรือ Super แล้ว นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าตรงจริตได้เป็นอย่างดี

  • สายหนังฮีโร่เรทอาร์
  • สายหนังฮีโร่สายดาร์ค
  • สายหนังแอคชั่นวัยรุ่น

รีวิว / สรุปเนื้อหา

จาก Comic ของ Mark Millar ที่มักสร้างสรรค์การ์ตูนที่มีเนื้อหาที่ฉีกไปจากฮีโร่ทั่วๆ ไป และผลงานของเขาก็มักเป็นที่จับตา จนนำมาขึ้นจอเป็นฉบับภาพยนตร์อยู่เต็มไปหมด โดยที่ผ่านมาก็มีทั้ง Kingsman, Wanted รวมถึง Kick-Ass เรื่องนี้ ที่จะเห็นได้ว่าความเป็นฮีโร่ในเรื่องราวของเขานั้นมักมีความเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร อย่างใน Kick-Ass เองก็เริ่มจากเรื่องของเด็กหนุ่มธรรมดาที่ดันมีความคิดอยากเป็นฮีโร่ อยากช่วยเหลือสังคม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีพลังอะไร แต่ด้วยความที่รักความถูกต้อง เขาจึงออกไปช่วยเหลือคนแม้ว่าจะเจ็บตัวกลับมาก็ตาม จนสุดท้ายก็ได้พลัง (หรือเปล่านะ) กับการที่ปลายประสาทชาจนไม่รู้สึกเจ็บปวด

Kick-Ass 3 Release Date | Will There be a Kick-Ass 3?

ตัวหนังมันไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จที่ว่า ด้วยพลังแห่งความดี และจิตใจดีงามจะเอาชนะทุกสิ่ง แต่กลับตีแสกหน้าคนดูอย่างแรง สำหรับประเด็นที่ว่าด้วยคนที่เจตนาดี แต่ไม่มีความพร้อม ว่าสุดท้ายแล้ว มันให้ผลเสียออกมาอย่างไร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ตัวละครนั้นได้เรียนรู้ และก้าวข้ามผ่านไป แม้ว่าจะต้องเสียสิ่งที่สำคัญแลกไปก็ตาม ในด้านตัวละครนับว่าทำออกมาได้ดีมากๆ ทั้งตัวเอกเอง รวมไปถึงเจ้าหนู Hit Girl ที่ออกมาทีไรก็ขโมยซีนตลอด ด้วยความ ดุ เดือด ดิบ ของเธอที่ขัดกับภาพลักษณ์ความเป็นเด็กสาวตัวน้อยมากๆ ก็เป็นอะไรที่สร้างสีสันได้เป็นอย่างดี เวลาออกลวดลายคิวบู๊หรือพูดคำหยาบต่างๆ ในเรื่อง

124659 #Chloe Grace Moretz, #Kick-Ass, #Hit Girl | Mocah HD Wallpapers

นอกจากฝั่งตัวเอกแล้ว ในฝั่งตัวร้ายก็ดีไซน์ตัวละครมาได้แสบไม่แพ้กัน และมีการพัฒนาการของตัวละครที่ค่อนข้างน่าสนใจ สำหรับตัวละครในฝั่งนี้อย่าง Red Mist ที่ก็มีจิตใจตั้งต้นที่จะเป็นฮีโร่เหมือนกัน แต่กลับเลือกที่จะไปอีกทาง เมื่อตัวละครและเนื้อเรื่องมีน้ำหนักแล้ว มันก็ช่วยเสริมให้บรรดาฉากแอคชั่นที่เกิดขึ้นในหนังล้วนเต็มไปด้วยความสนุกมาก ประกอบกับการใช้ Rate R อย่างคุ้มค่า ก็สร้างความรุนแรงในแบบที่ดุเดือดเลือดพล่านได้เป็นอย่างดี ขัดกับตัวละครวัยรุ่นและเด็กๆ ที่อยู่ในเรื่องซะเหลือเกิน แต่ผลที่ได้กลับเป็นความสะใจ และความมันส์ บนเนื้อหาและประเด็นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สมกับชื่อผู้กำกับแถวหน้าอย่าง Matthew Vaughn จริงๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ก่อนที่หนังจะมาอยู่ในมือของค่าย Lionsgate นั้น ทาง Producers เล่าว่าแต่ค่ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าเราจะรับหนังเรื่องเอาไว้ ถ้าคุณยอมที่จะตัดบท Hit-Girl ออก หรือปรับให้เธออายุสัก 19 (โดยหารู้ไม่ว่า นั่นจะกลายเป็นจุดขายของหนังที่แท้จริง)
  • หลังจากมีกระแสมากมายที่วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของตัวละคร Hit-Girl นั้น น้อง Chloë Grace Moretz ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า จริงๆ แล้ว ถ้าเธอพูดบางคำที่อยู่ในหนังภายในบ้านเนี่ย เธอคงจะโดนกักตัวอยู่ในห้องจนถึงอายุ 20 เลยมั้ง เพราะเธอไม่ทางพูดคำเหล่านั้นออกมาแน่ๆ ในชีวิตจริง ขนาดชื่อหนังเวลา่ที่เธอสัมภาษณ์ออกสื่อ เธอยังแทนด้วยคำว่า “the film” และเรียกมันว่า “Kick-Butt” เวลาอยู่บ้านแทน (อะไรจะเรียบร้อยปานนี้)
  • Daniel Craig และ Mark Wahlberg ก็เป็นอีก 2 ชื่อที่ทางทีมงานพิจารณาให้มารับบท Big Daddy ก่อนจะตกเป็นของ Nicolas Cage ที่เหมาะสมซะเหลือเกินในบทบ้าๆ โอเวอร์ๆ แบบนี้ (อันนี้ชม)