Analog Squad (2023)
ทีมรักนักหลอก
คะแนน
โกดังหนัง
งาน Feel Good ที่เรียบง่ายลึกซึ้งกินใจ ชูประเด็นความเปราะบางผ่านความสัมพันธ์ครอบครัวที่เยี่ยมยอด
หมวดหมู่ : | Drama |
สัญชาติ : | Thai |
กำกับโดย : | Nithiwat Tharatorn |
ความยาว : | 8 Episodes |
นักแสดงนำ : | Nopachai Chaiyanam, Namfon Kullanut, Kritsanapoom Pibulsonggram |
คำคมจากภาพยนตร์
“ทำไมไม่มีแฟน อายุขนาดนี้แล้ว ถ้าหาดีไม่ได้ก็อย่ามีดีกว่า”
เรื่องย่อ
ปอนด์ ชายหนุ่มที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับที่บ้าน ตัดสินใจจ้างคนแปลกหน้ามารับบทเป็นลูก 2 คน และชักชวนแฟนเก่ามาเล่นเป็นภรรยา เพื่อจะได้ไปเยี่ยมพ่อที่ป่วยหนักอยู่โรงพยาบาลที่บ้านเกิดจังหวัดพังงา การเดินทางไปในครั้งนี้เต็มไปด้วยการโกหกหลอกหลวง แต่ทว่าสถานการณ์ทุกอย่างมันพาไปทำให้ ครอบครัวปลอมๆของปอนด์ดันเกิดไปผูกพันธ์กับพ่อแม่ตัวจริงๆ จนกลายเป็นเรื่องราวบานปลายตามมา
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Analog Squad ทีมรักนักหลอก เป็นงานไทยสไตล์ฟีลกู๊ดที่ฉาบหน้าไปด้วยกลิ่นอายความเป็นงานสไตล์แบบญี่ปุ่นที่พูดถึงการหลอกหลวงในมุมมองที่สว่าง จากผู้กำกับที่เคยสร้างความประทับใจจากหนัง Season Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลง มาชิมลางจับงานซีรีส์ยาวเป็นครั้งแรก ที่นำเสนอแนวทางของตัวเอง แต่ผสมผสานเรื่องราวความสัมพันธ์ครอบครัวที่เต็มไปด้วยการหลอกหลวง การโกหกให้คนอื่นสบายใจ ผ่านเฉดเรื่องบรรยากาศยุค 90 แน่นอนว่า สิ่งที่นำเสนอลงไปคือประเด็นความสัมพันธ์ของตัวละครที่ทุกคนเปราะบางกันหมด แต่ในเวลาเดียวกันมันดาร์คแต่ก็มีความลึกซึ้งกินใจมากซะเหลือเกิน
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ถ้าหาก”พี่อั๋น” ธนกรคือนักทำหนังที่เต็มไปด้วยโทนเรื่องเหงาๆเต็มไปด้วยการหลอกหลวง “พี่ต้น” นิธิวัฒน์ ธราธร คือนักทำหนังที่อาศัยความ Feel Good ที่มีตัวละครที่มีลายเซ็นต์ชัดเจนที่เรื่องประเด็นครอบครัว และเรื่องนี้ก็หยิบโทนเรื่องด้วยพล็อตครอบครัวคุณพ่อตัวปลอมในญี่ปุ่นมาบิดเรื่องราวผ่านตัวละครที่มีความเจ็บปวดกับครอบครัวที่ห่างเหินกันไปนาน จนแทบจะกลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว แต่อยู่ดีๆดันกลับมาบ้านมาเยี่ยมพ่อป่วย ตัวละครที่ลึกลับมีความไม่ชอบมาพากล และเขาก็ไปจ้างคนแปลกหน้ามาเล่นเป็นลูกและดึงแฟนเก่ามาเป็นภรรยาหลอกพ่อแม่ตัวเอง จากความคิดแค่ว่าเยี่ยมแล้วแยกย้าย ทุกคน Happy ได้เงิน แต่คนที่จ้างมาดันมาอิน เรื่องราวจึงค่อยๆเปิดบาดแผลปมในใจของตัวละครทุกคนที่ดูจะมีปัญหากับการใช้ชีวิตในสังคมเมือง เริ่มตั้งแต่หญิงสาวโสดไม่มีแฟน และหวาดกลัวกับโรคร้าย, เด็กสาวลุคทอมบอยรักภาพยนตร์ที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพ่อตัวเอง จนมาเจอ Jackpot เรื่องใหญ่ที่รับมือกับมันไม่ได้ หรือกระทั่งเด็กหนุ่มทำงาน Call Center ที่ไม่ชอบไม่โอเคกับสถานะที่ตัวเองเป็นมีแม่ถ่ายแบบ Sexy และต้องปกปิดสถานะตัวเองไม่ยอมบอกอะไรที่บ้านให้ได้รับรู้ แถมยังอยากไปให้พ้นๆจากแม่ตัวเองอีก โทนเรื่องจึงเล่าผ่านความหม่นหม่องความสับสนพฤติกรรมของตัวละคร ผู้กำกับดูจะไม่ได้ละทิ้งปมปัญหาตัวละครไว้เลยตรงข้ามพยายามเล่าแบบเจาะลึกที่มาที่ไป เปิดปมให้เห็นชัดๆว่า ครอบครัวตัวปลอมเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
สิ่งที่นำเสนอและชัดเจนคือประเด็นการโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายนี้คือคำพูดคำแก้แบบมักง่ายที่อยู่กับสังคมไทยมาช้านานโกหกหลอกหลวง เริ่มตั้งแต่ชายหนุ่มที่มีปัญหาจากที่บ้านเพราะความไม่พอใจกับพ่อแม่ตัวเอง พอไปมีครอบครัวก็พังไม่เป็นท่าโดนแฟนทิ้งไปแบบไม่ใยดี จนกลายเป็นปมในใจพอล้มเหลวหนักก็ไม่คิดจะกลับไปสู้หน้าลูกหรือพ่อแม่ตัวเองอีกเลย และการที่เขาพาคนโน่นคนนี่มาปลอมเป็นคนในครอบครัวจากที่คิดแบบง่ายๆมันกลายเป็นปัญหารูใหญ่ที่หลากคนอื่นมาเกี่ยวข้องด้วยอีก และตัวละครก็ต้องไปร่วมชะตากรรมแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ โกหกไปเรื่อยๆบางครั้งเคยชินติดเป็นนิสัยยากจะแก้ และทุกตัวละครก็รับรู้กับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะต้องเจอและก็อยากหลีกหนีไปเหมือนกัน เงินที่ได้มาอาจไม่ได้มีความหมาย ถ้าหากคำโกหกการหลอกหลวงมันกลายเป็นบาดแผลทิ่มแทงกลับมาที่ตัวเอง เพราะระหว่างทางความสัมพันธ์มันมีค่ามากกว่าเงินตราที่ได้มาเสมอ งานสะท้อนไปยังประเด็นครอบครัวที่ชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์คนในบ้านคือเรื่องใหญ่ที่ละเลยไม่ได้ ครอบครัวปลอมดันมาอินกันเอง แต่พวกเขาดันไม่ได้ซ่อมแซมเข้าอกเข้าใจกัน เสน่ห์ของงานชุดนี้คือการเลือกใช้โลเคชั่นฉากหลังยุค 90 กรุงเทพในเวลานี้คงไม่สามารถเนรมิตรได้ง่ายๆ แต่ผู้กำกับก็เลือกเซ็ตติ้งบางจุดปรับและเล่าให้เห็นอะไรใหม่ หรือการเลือกพังงาที่เป็นเมืองเก่า มีความ Classic พอมาเล่าเรื่องมันกลายเป็นงานที่โปรโมตการท่องเที่ยวที่จังหวัดนั่นไปเลย
.
การมีปีเตอร์ นพชัย มาอยู่ในเรื่องนี้ถือว่าได้เห็นมุมมองใหม่ๆจากเขา ต้นปีเป็นเชฟดุดันก้าวร้าวบ้าอำนาจ กลางปีกลายเป็นเพื่อนสายฮาเล่นคอมเมดี้ตัวชงตัวตบให้ซันนี่ แถมยังไปเป็นตำรวจมาอีก รอบนี้การตีความตัวละครที่เต็มไปด้วยรอยร้าวในชีวิตที่ต้องออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับที่บ้านตัวเอง แถมยังทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จ เรียกว่าดราม่าอารมณ์ที่ต้องแบกรับอย่างหนักหน่วงได้เห็นมิติที่ซับซ้อนขึ้น แถมระหว่างทางซีรีส์นำเสนอตัวละครได้แบบเชิงลึกว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ พี่น้ำฝน กุลณัฐ ที่มารับบทเมียปลอมๆ อดีตคนรักเก่าหญิงสาวที่สนุกไปวันๆเพราะคิดว่าชีวิตไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แน่นอนว่าพอไปเข้าฉากกับพี่ปีเตอร์ กลายเป็นการปะทะที่สนุก คนหนึ่งหม่นหม่อง อีกคนดุดันพร้อมจะช่วยให้อีกฝ่ายเข้าใจที่บ้านมากขึ้น, เจเจ กฤษณภูมิ ที่มารับบทเก๊ก เด็กหนุ่มที่ทำงานในเมืองที่ไร้ความฝัน เขาคือตัวแทนของคนที่กระเสือกกระสนเพื่อความอยู่รอดได้เงิน ได้ไปให้พ้นๆจากที่บ้านเพราะขาดความอบอุ่นจากแม่ตัวเอง เจเจ มีความทะเล้นมีความเป็นธรรมชาติ พอไปเล่นเป็นครอบครัวปลอมกลายเป็นคีย์แมนหลักที่เข้าไปซัพพอร์ทช่องว่างปมในใจของตัวละครอย่างบุ้ง ที่รับบทโดย ปริมมี่ วิพาวีร์ เด็กสาวที่รักการดูหนังโดยที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพ่อตัวเองโลกสวยไปหมดซะทุกอย่าง
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- เจเจ กฤษณภูมิ และ ปีเตอร์ นพชัย เคยแสดงร่วมกันมาก่อนในแสงกระสือ 2
- พังงา โลเคชั่นหลักในเรื่องเกิดจากการไปเที่ยวของผู้กำกับ เพราะเป็นเมืองเก่า
- ครอบครัวปลอมพล็อตเรื่องมาจากข่าวที่เกิดขึ้นจริงในประเทศญี่ปุ่น
- ปีเตอร์ นพชัย รับบทนำเพราะว่าชอบพล็อตครอบครัวปลอมที่มีปัญหากับครอบครัว
- เจเจ กฤษณภูมิ ไม่เคยใช้เพจเจอร์และไม่เคยใช้ตู้โทรศัพท์ยอดเหรียญ
- ผู้กำกับไม่ได้เป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล แต่ที่ใส่ในเรื่องไปเพราะอยากมีตัวละครที่ชอบทีมฟุตบอลที่ไม่ประสบความสำเร็จ