The Siege of Jadotville (2016)
จาด็อทวิลล์ สมรภูมิแผ่นดิน
คะแนน
โกดังหนัง
เป็นหนังสงครามที่มีคุณภาพ เล่าเรื่องได้รวดเร็วฉับไว ฉากแอ็คชั่นโคตรมันส์บิ้วอารมณ์ได้สนุกกดดันตึงเครียด ไม่แปลกใจว่าเหตุการณ์นี้กลายเป็นตำนานในเวลาต่อมา
คำคมจากภาพยนตร์
"Each man reacts differently to killing another man. None of us have done this before."
ผู้ชายแต่ละคนตอบสนองต่อการฆ่าคนอื่นแตกต่างกัน พวกเราไม่มีใครทำสิ่งนี้มาก่อน
เรื่องย่อ
จากเรื่องจริงความกล้าหาญอันเหลือเชื่อของทหารไอริชจำนวน 150 นายที่ถูกส่งโดยสหประชาชาติให้ไปดูแลความสงบในเขตพื้นที่จาด็อทวิลล์ ประเทศคองโก ภายใต้การบังคับบัญชาของ Pat Quinlan พวกเขาต้องสู้รบกับกองกำลังทหารรับจ้างถึง 3,000 นาย นำทีมโดยทหารฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมที่ถูกจ้างมาให้ดูแลความสงบเรียบร้อยของบริษัทเหมืองแร่ สินแร่สำคัญในการผลิตอาวุธร้ายแรง กองร้อยของควินแลนต้องสู้รบกันเองด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่า ไม่มีกำลังเสริม ไม่มีแม้แต่อาวุธร้ายแรง
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Siege of Jadotville เป็นหนังสงครามที่เหมาะสมกับสายหนังที่ชอบดูเนื้อหาที่ดุดันสมจริง อาจไม่ได้มีโปรดักชั่นยิ่งใหญ่อลังการ หรือมีดาราชั้นนำระดับบิ๊กเนมมาร่วมจอ แต่หนังเป็นงานสงครามการต่อสู้ในสมรภูมิที่มีชั้นเชิงเหลือเกิน พล็อตเรื่องไม่ได้สาดความมันส์สาดกระสุนควันระเบิดบนหน้าจออย่างเดียว แต่ยังใส่ปูมหลังการต่อสู้ของกลุ่มคนที่เป็นเบี้ยล่างที่ถูกใช้เป็นเครื่องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง กลายเป็นเกมที่ห่ำหั่นกันแบบมวยรองที่งัดทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด งานภาพงานเสียงที่ชวนลุ้นระทึก ใครต้องการความเดือดคิวบู๊ดีๆเรื่องนี้ตอบโจทย์
- สายหนังแอคชั่นกึ่งสงคราม
- สายหนังแอคชั่นเข้มข้น
รีวิว / สรุปเนื้อหา
รู้สึกเสียดายเหมือนกันนะที่พึ่งมาดูตอนนี้ในวันที่หนังเรื่องนี้อายุ 7 ปีเข้าไปแล้ว เป็นหนังสงครามที่ดูเอามันส์สมจริงๆ และเมื่อพล็อตเรื่องมาจากเหตุการณ์จริงเนื้อหาหนังมันเลยไม่ใช่แค่ว่ายิงกินต่อสู้กันเพื่อเอาตัวรอดเพียงอย่างเดียว แต่บทยังแฝงไปด้วยประเด็นทางการเมือง และทหารที่สู้กันก็เป็นแค่คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวกับจริงๆ เพราะถ้าหากมองดูแล้ว กลุ่มทหารไอริชที่มาในที่คองโก ก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคนที่สหประชาชาติส่งตัวมาดูแลความสงบเท่านั้น ส่วนทหารรับจ้างคือพวกกองกำลังติดอาวุธที่รับจ็อบทำงานเพื่อแลกเงินรักษาผลประโยชน์ให้นายทุน ทั้ง 2 ฝ่ายมีหน้าที่แตกต่างกัน แต่กลับกลายเป็นการห่ำหั่นที่ดุเดือดเป็นบ้า ไม่คิดว่าการสู้รบจะมันส์แบบนี้ค่อนข้างชอบที่บทหนังเล่าเรื่องได้ชัดเจนไม่หลุดออกนอกกรอบ
บทหนังเคารพเรื่องจริงเล่าถึงความกล้าหาญของทหารไอริชที่ต่อสู้แบบไม่เกรงกลัวทั้งที่พวกเขามีกำลังคนเป็นรองด้วยซ้ำกลับสร้างความสั่นสะเทือนให้กลุ่มทหารรับจ้างจนสะบักสะบอม ไม่น่าเชื่อว่าทหาร 150 ชีวิต สามารถต้านทานกองกำลังติดอาวุธที่มีมากกว่า 3,000 คน ที่อาวุธสงครามครบมือ ได้นานถึง 5 วันโดยที่ไม่มีใครเสียชีวิต ภาพของหนังทำให้เราได้เห็นฉากแอ็คชั่นที่ดูสนุก แม้ว่าภาพในหนังจะโฟกัสไปยังทหารไอริชแต่มันไม่ง่ายเลยกับการมีกำลังพลที่น้อยแล้วต่อสู้แบบหลังชนฝา เป็นหนังทหารที่ใช้มันสมองใช้บรรยากาศ ซากตึกเป็นโล่ห์กำบังได้ดีมาก เป็นการแก้เกมที่ชาญฉลาด เมื่อมีกำลังคนเป็นรองสถานการณ์เป็นรองอีก ส่วนตัวชอบการเผชิญหน้าของหัวหน้าทหารฝ่ายไอริช และหัวหน้าทหารรับจ้างที่เจอกันพูดคุยกันให้เกียรติกัน ยอมรับหัวจิตใจเลยว่า ถ้าหัวหน้าไม่เก๋าเกมจริง ไม่มีทางเอาตัวรอดจากสมรภูมินี้ไปได้แน่ๆ
จริงๆแล้วภาพของหนังมันก็แอบแฝงความโหดร้ายเอาไว้เช่นกัน ประเทศในละแวกแอฟริกามักมีผลประโยชน์ซุกซ่อน นักการเมืองคนมีอำนาจไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแทรกแซงทั้งนั้น พวกเขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนนอกเข้ามาหาผลประโยชน์ เมื่อสหประชาชาติล้มเหลวมันจึงส่งผลกระทบมายังทหารที่ต้องสู้รบปรบมือแบบยากลำบากภายใต้ข้อจำกัดจนเอาชีวิตแทบไม่รอด ขาดกำลังเสริมและถูกลอยแพ หัวใจสำคัญของหนังนอกจากฉากแอ็คชั่นแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่พูดไม่ได้คือพระเอกอย่าง Jamie Dornan หรือพระเอกจาก Fifty Shades ที่มอบการแสดงออกมาได้นิ่งเยือกเย็นสุขุม ลีมภาพพระเอกสายซาดิสม์ไปได้เลย เรื่องนี้มีหนวดเป็นชายชาติทหารของจริงๆ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- หนังได้ Kevin Brodbin มือเขียนบทจาก Constantine
- หนังไปถ่ายทำกันที่แอฟริกาใต้
- หนังวางแผนจะฉายโรง แต่ถูก Netflix ซื้อสิทธิ์ไปฉายซะก่อน
- Jamie Dornan พระเอกเป็นคนไอร์แลนด์เหนือแต่มารับบทเป็นทหารไอร์แลนด์