Venom: Let There Be Carnage (2021)
เวน่อม ศึกอสูรแดงเดือด
คะแนน
โกดังหนัง
เป็นภาคใหม่ที่เราร้องว้าวไปเลยจ้า งานภาพ บทหนัง ตัวละคร วายร้ายพัฒนามากกว่าเดิม ทำให้องค์ประกอบหนังฉากแอ็คชั่นเดือดเกิน แฟนคอมมิค แฟนฮีโร่สายดาร์คไม่ควรพลาด ไปดูในโรงซะจอ IMAX ชมกันเต็มๆตา
คำคมจากภาพยนตร์
"They Can't Take You From Me. You're My One Bright Light!"
"พวกเขาไม่สามารถพรากคุณไปจากผมได้ คุณคือแสงสว่างเดียวของผม!"
เรื่องย่อ
เรื่องราวของนักข่าว เอ็ดดี้ บร็อก ที่เขาต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับปรสิตซิมบิโอตปรสิต อย่าง เวน่อม ต่างฝ่ายต้องปรับตัวเข้าหากัน โดยที่ เอ็ดดี้ ต้องพยายามควบคุมบ้างอย่างเพื่อไม่ให้ เวน่อมไปฆ่าคนตามใจชอบอีก จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับคำร้องจากนักโทษที่กำลังรอวันโดนประหารชีวิต อย่าง เคลตัส คาซาดี้ ให้มาพูดคุยกับเขาแบบส่วนตัว ทว่านักโทษโรคจิตดันไปกัด เอ็ดดี้ ทำให้เชื้อซิมบิโอต เข้าสู่ร่างกายเกิดเป็น คาร์เนจ วายร้ายตัวแสบที่เปรียบเสมือนลูกของ เวน่อม เมื่อมาร่วมร่างกับฆาตกรโรคจิต มันจึงวางแผนที่จะไล่ฆ่าเช็คบิลทั้งเวน่อมและเอ็ดดี้ให้ได้
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Venom 2 หนังภาคนี้ดูมีเนื้อมีเนื้อกว่าภาคแรก แฟนหนังคอมมิคสายดาร์คน่าจะเต็มอิ่มจุใจกับฉากแอ็คชั่น ตัวร้ายที่มีความดุร้ายโหดดิบเถื่อนกว่าเดิมหลายเท่าเป็นคู่ต่อกรที่สมเนื้อสมเนื้อ แฟนหนังจะได้เอนจอยกับตัวละครที่ดูสนุกไม่ว่าจะเป็น Venom หรือ Carnage งานภาพที่ออกแบบได้น่าตื่นตาตื่นใจ แฟนหนังทั่วไปไม่ดูภาคก่อน ก็ดูรู้เรื่องในภาคนี้ แถมยังปูทางสู่หนังภาคต่อไปอีก ไปยาวๆเลยจักรวาล Venom
- สายหนังแอนตี้ฮีโร่
- สายหนังสายดาร์ค
- สายหนังคอมมิค
รีวิว / สรุปเนื้อหา
แม้ว่าคำวิจารณ์จะอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง แต่หนังกลับทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ แม้ว่าพล็อตจะไม่ได้มีความแปลกใหม่ แต่หนังจัดเต็มสูบอัดแน่นความบันเทิงเอาไว้เพียบ เวน่อม ได้เจอตัวร้ายที่โหดดุดันกว่าตัวเองหลายเท่าซึ่งมันเป็นปรสิตลูกตัวเองนี่แหละ หนังภาคนี้เลยดูมีพัฒนาการตัวละครที่ดีขึ้น เราได้เห็น วายร้ายที่น่ากลัวกว่า เวน่อม ที่พร้อมจะถล่มทุกอย่างที่ขว้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นคุก สถานบำบัด โบสถ์ ฉากไล่ล่าฉากการต่อสู้ทำได้สนุกสนาน ตัวร้าย 2 คนน่ากลัวมาก คนหนึ่งปรสิตที่ร่วมร่างกับฆาตกรโรคจิต อีกคนคือเคลตัสที่มีพลังพิเศษเป็นการพ่นคลื่นเสียง หนังสามารถบาลานซ์เนื้อหาให้คนดูหนังทั่วไปที่ไม่ใช่แฟนคอมมิคเข้าใจได้ง่ายๆ ถึงปมประเด็นปัญหาระหว่าง เวน่อมและ คาร์เนจ แอ็คชั่นสู้กันว่าเดือดแล้ว หนังก็ยังใส่มุกตลกสอดแทรกลงไปแบบหอมปากหอมคอ กลายเป็นหนังที่เพลินตาไปทันที พอดูจอใหญ่ Imax หนังเลยยกระดับไปไกลมาก
การที่หนังได้ผู้กำกับมือดีอย่าง Andy Serkis มาคุมทิศทางหนัง ทำให้พัฒนาการดีกว่าภาคแรก ที่เนื้อหาแบนไปสักหน่อย เขามาปรับเปลี่ยนไอเดียการเล่าเรื่องงานภาพ Motion เท่ห์ๆ ระหว่างฉากคนแสดงกับฉากเทคนิคพิเศษที่แต่งเติมลงไปได้แนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวของเวน่อมเองหรือคาร์เนจ พอปรุงแต่งออกมาดี ได้ผู้กำกับที่ถนัดงาน Visual ล้ำ เลยทำให้ภาพฉากแอ็คชั่นสวยๆ แถมภาคนี้เรายังได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง เอ็ดดี้ กับเวน่อม การใช้ชีวิตร่วมกันที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องมาบาลานซ์ชีวิตกันเคารพกฏพื้นที่อีกฝ่าย กลายเป็นว่าผู้กำกับสามารถสร้าง Impact ตรงนี้ให้ผู้ชมได้ พิสูจน์แล้วว่า Andy ไม่ได้มีดีแค่งานMotion แต่ยังพยายามเล่าเรื่องให้เข้าถึงแก่นแท้ระหว่าง เอ็ดดี้ และเวน่อมอีกตั้งหาก
นอกจากตัวหนังงานภาพแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นคือ การแสดงของ Tom Hardy ในบทบาท เอ็ดดี้ นักข่าวหนุ่ม ที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับเวน่อม ภาคนี้ดูตลกกวนๆไปบ้าง แต่อีกมุมหนึ่งก็ได้เห็นว่าเขาเองก็พยายามปรับตัวและใช้ชีวิตร่วมกับเวน่อมให้ได้ แม้ว่าน่าเสียดายที่ความรักของเขาจะไม่สมหวัง แต่การได้จับคู่แสดงกับ Michelle Williams ถือว่าดูสนุก มีฉากฮาฉากแอ็คชั่นให้ดูอยู่พอควร แต่คนที่ขโมยซีนที่สุดคงเป็น Woody Harrelson คือเป็นฆาตกรโรคจิตติดคุกลุกดูซาดิสก์โรคจิตก็ว่าน่ากลัวแล้ว พอมาเป็นคาร์เนจอีก โหดมาก เหมือนหนังภาคนี้ขายงานแสดงของเขา บทเลยส่งให้มีมุกตลกหน้าตายเพียบ ทำให้องค์ประกอบสุดท้ายมันดูสนุกพีคมาก
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Tom Hardy มีส่วนในการคิดและออกแบบบทหนังภาค 2
- Andy Serkis ถูกดึงมากำกับหนังภาค 2 เพราะงาน Motion Captures จากหนังเรื่อง War for the Planet of the Apes