เรื่องย่อ

เมื่อความทรงจำของคนรักกำลังจะหายไป แซม จึงได้ตัดสินใจออกเดินทางไปพร้อมกับ ทัสเกอร์ คู่ชีวิตที่อยู่ร่วมกันมานานกว่า 20 ปี เพื่อไปพบกับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่จะคอยเติมเต็มพลังใจและใช้จ่ายความสุขครั้งสุดท้ายร่วมกัน ระหว่างทางพวกเขาเหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีตที่ทั้งคู่เคยมีเสียงหัวเราะและคราบน้ำตา ไม่ว่าการเดินทางแห่งรักครั้งนี้จะนำพาไปสู่จุดหมายไหน พวกเขาก็จะขอเก็บเกี่ยวความสุขและกอดสุดท้ายไปด้วยกันจนสุดทางก่อนที่ทุกอย่างจะเลือนหายไปตลอดกาล

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Supernova เป็นหนังรักชายรักชาย LGBT ที่ชูประเด็นได้สากลมากๆเข้าใจง่ายๆ หนังอาจตั้งคำถามว่าความรักไม่จำเป็นต้องรักกันที่ชายและหญิงเสมอไป เนื้อหามันยอดเยี่ยมต้องที่ความรักที่เติมเต็มให้แก่กันแม้ว่าอีกคนหนึ่งจะจำอะไรไม่ได้ แต่พวกเขายังอยากเดินทางบันทึกความทรงจำใช้ชีวิตร่วมกัน หนังเต็มไปด้วยการพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจใช้เวลาร่วมกันก่อนอีกฝ่ายจะกลายเป็นคนอื่นไป หนังย้ำเตือนให้เราได้คิดว่ารักกันยังไงก็ต้องร่ำลาจากกันอยู่ดีไม่มีใครอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง คนทีี่ดูหนังเรื่องนี้คือคนที่อินกับความรักทุกแง่มุม เพราะทำเอาน้ำตาซึมแบบที่เราไม่รู้ตัวได้ง่ายๆ คอหนังสาย LGBT เรื่องนี้เหมาะมากๆ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

เรากล้าพูดออกมาได้เลยว่านี่คือหนังรักชายรักชายที่สื่อสารประเด็นความรักที่จับต้องได้ คู่รักที่อยู่กันมา 20 ปี แต่แล้ววันหนึ่งคนรักกำลังจะความจำเสื่อม แล้วความรู้สึกนึกคิดที่มีกำลังกลืนหายไปเรื่อยๆ ทำให้ทั้งคู่เลือกจะออกเดินทางเพื่อเก็บความรักความทรงจำร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว หนังทำให้เรารู้สึกว่าความรักมันทรงพลังและยิ่งใหญ่ บางทีอาจไม่ได้ออกมาเป็นเพศไหนคู่รักสถานะไหนก็ได้ หนังเหมือนยาชูกำลังในวันที่ท้อแท้ทุกข์ใจ มีคนที่อยู่ข้างๆค่อยให้กำลังใจอยู่ด้วยกัน เนื้อหาดูง่ายๆนำเสนอความรักที่ไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็นคนในช่วงบั้นปลายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน เลยไม่ได้มีประเด็นรักหวือหวาแบบหนุ่มสาวที่ร้องไห้ฟูมฟาย

หนังเลยเล่าถึงความอ่อนแออ่อนไหวของตัวละครที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายมาลำบากทอดทิ้งไปก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเดียวดายอยู่คำลำพัง การสื่อสารเลยดูตีความแล้วรู้สึกอบอุ่น คนที่เข้มแข็งกลับมีความรู้สึกอ่อนแอ แต่คนที่อ่อนแอดันเป็นฝ่ายที่เข้มแข็ง หนังเลยเหมือนเป็นการพูดคุยกันเล่าเรื่องเพื่อปรับความเข้าใจกันมากกว่าที่จะใช้ฉากเลิฟซีนมาเล่าเรื่อง หลายๆฉากแม้จะคุยกันก็เรียบง่ายดูธรรมชาติ ทำให้เรารู้สึกอินแบบไม่ทันตั้งตัว เราชอบที่ตัวละครเลือกจะอยู่ด้วยกันไม่แคร์ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นตรงนี้แหละมันทรงพลังมากพอแล้ว ใครที่มีความรักพอดีเรื่องนี้อาจต้องคำถามกับตัวเองว่ามีความรักคนยังจะดูแลคนรักอยู่ไหมในวันที่ทุกข์ยากวันที่อีกฝ่ายลำบาก บางทีหนังรักที่ดีไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ ขอแค่บทพูดดีๆสื่อสารได้เข้าใจแค่นี้ก็ซึ้งมากพอแล้ว

การเล่าเรื่องภาพมุมกล้องของหนังเรื่องนี้ดูเป็นอะไรที่งดงาม การเลือกเฟรมในการถ่ายภาพดูเป็นธรรมชาติ เลยดึงพลังของนักแสดงออกมาได้เยอะSam นักเปียโน่ผู้มีความเป็นนักดนตรีในตัวเองสูง ชายที่พยายามเต็มที่จะปกป้องคนรักให้ได้มากที่สุด และไม่เคยผลักไส้อีกฝ่ายออกไป เหมือนดูแข็งแกร่งแต่จิตใจกลับเปราะบาง ยอมรับเลยว่า Colin Firth แสดงออกมาได้เป็นธรรมชาติ ส่วนอีกคน Stanley Tucci นักเขียนชื่อดัง ที่เขามักชอบสับสนเป็น Mark Strong อยู่เป็นประจำ ชายที่รู้ว่าจะสูญเสียความทรงจำ กลับแข็งแกร่งกว่าคนรักเสียอีก พลังการแสดงของทั้งคู่เมื่อเข้าร่วมกันมันดูจริงไม่ต้องปรับแต่งอะไรเลย กลายเป็นคู่รักที่เราดูแล้วอินเอาใจช่วยอยู่ตลอด หลายๆฉากทำให้เราประทับใจโดยเฉพาะช่วง 2 ซีนสุดท้ายที่สะกดคนดูอย่างเราได้อยู่หมัด ไม่แปลกใจเลยที่หนังได้รับความนิยมจากนักวิจารณ์ในต่างประเทศ องค์ประกอบทำได้ดีมาก