Spider-Man: Homecoming (2017)
สไปเดอร์แมน: โฮมคัมมิ่ง
คะแนน
โกดังหนัง
พลิกโฉมหน้าไอ้แมงมุมฮีโร่วัยรุ่นวัยว้าวุ่น อ่อนประสบการณ์ใส่ความตลกลงไป ผ่านการแสดงของ Tom Holland โดนอกโดนใจแฟนหนังไปเต็มๆ
คำคมจากภาพยนตร์
"You need to stop carrying the weight of the world on your shoulders."
"เธอต้องเลิกแบกรับน้ำหนักของทั้งโลกไว้บนบ่าของเธอนะ"
เรื่องย่อ
หลังจากมีประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นกับเหล่าอเวนเจอร์ส Peter กลับมายังบ้านของเขา ที่ซึ่งอาศัยอยู่กับ ป้า May ภายใต้การดูแลของ Tony Stark ที่ปรึกษาคนใหม่ของเขาที่พยายามอย่างหนักเพื่อจะย้อนกลับไปใช้ชีวิตธรรมดาเดิม ๆ ทุกวัน แต่เขากลับต้องวอกแวกเพราะความคิดที่ว่าเขาต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าเขามีอะไรที่มากกว่าการเป็นแค่ สไปเดอร์แมน เพื่อนบ้านผู้เป็นมิตรของคุณเท่านั้น และเมื่อ Vulture ปรากฏตัวออกมาในฐานะวายร้ายคนใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ Peter ถือว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดกำลังถูกคุกคาม
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Spider-Man: Homecoming เป็นหนังแอ็คชั่นฮีโร่ที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะคอหนัง Marvel เพราะเนื้อเรื่องปรับเปลี่ยนทิศทางจากฮีโร่ในตำนานขวัญใจผู้ชมไปอย่างสิ้นเชิง เป็นเด็กมัธยมใสๆที่ต้องออกไปเผชิญโลกกว้างเจอวายร้ายเจอผู้คนที่ไม่เคยเจอมาก่อน ต้องแบกรับแก้ปัญหามากมาย อุปสรรคของสไปดี้ที่หนักหนาสาหัส บรรยากาศหนังเร้าอารมณ์กดดันตลอดเวลา ฉากแอ็คชั่นฉากดราม่าขับเคลื่อนให้องค์ประกอบทุกอย่างครบเครื่อง งานภาพที่เนี๊ยบมาก แต่ให้ไม่ใช่แฟนหนังสายฮีโร่ แฟนหนังทั่วไปดีแล้วก็เต็มอิ่ม
รีวิว / สรุปเนื้อหา
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับหนังเรื่องนี้ เมื่อมาอยู่ใน MCU คือการตีความในมุมมองใหม่แตกต่างจากภาคจำก่อนๆจาก Peter Parker ในเวอร์ชั่น Sam Raimi ที่ดาร์คต้องเสียสละความสุขชีวิตส่วนตัว กลายเป็นฮีโร่ปกป้องผู้คนในนิวยอร์ก หรือ ในเวอร์ชั่น Marc Webb ที่ดูจะเป็นชายหนุ่มที่หล่อแต่ลังเลกับชีวิต พลิกไปสู่การเป็นเด็กน้อยแนว Coming Of Age วัยมัธยมใสๆแบบที่ไม่มีใครทำมาก่อน เด็กหนุ่มที่บ้าระห่ำแบบที่ใช้มุมมองตัวเองเป็นหลักไม่สนใจผลลัพธ์ที่ตามมาในเวลานั้น Tom Holland เปิดตัวได้ใจแฟนหนังไปเต็มๆ ทั้งในกลุ่มที่ชอบตัวละครสไปดี้ แฟน Marvel หรือแฟนหนังขาจรที่ดูหนังตามกระแส เมื่อสร้างตัวละครให้อ่อนต่อโลก มันกลายเป็นเส้นเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองเด็กไฮสคูลได้แบบเต็มที่ไม่ต้องไปย้อนที่มาที่ไปถึงความเป็นคนเรียนเก่งเป็นคนขี้แพ้ และโดนแมงมุมกัดได้รับพลังพิเศษมา ไม่มีลุงเบนโดนฆ่าตาย ออกไปไล่จับผู้ร้าย เมื่อโครงเรื่องถูกวางกรอบจาก MCU สิ่งที่ดีคืออยากเล่าอะไรให้แปลกใหม่ทำได้ตามใจชอบ
คาแรกเตอร์ของ Peter ในหนังเวอร์ชั่นนี้จะเชื่อมโยงกับเด็กยุคใหม่ดูมีความเป็นวัยรุ่น อยู่ในโรงเรียนมีหน้าที่เรียนหนังไป และการต่อสู้กับวายร้ายที่น่าสนใจ วายร้ายในหนังภาคนี้ไม่ได้มีแผลร้ายจะไปยึดครองโลกอะไร แค่ต้องการบางสิ่งบางอย่างซึ่งขัดอย่างกับ Peter แน่นอนว่า การสร้างตัวละครที่เป็นพ่อของลูกสาวที่พระเอกชอบ มันน่าสนใจดูเป็นคนใกล้ๆตัว แถม Velture คือคนที่ต้องการเก็บซากของเหล่า Avengers เพื่อต่อยอดเอาไปทำประโยชน์ทำกำไรให้ตัวเอง และต้องต่อสู้ดิ้นรนกับสภาพสังคมที่เขาไม่ได้มีทางเลือกมากหนัก ซึ่งดูจะเป็นหนัง Marvel ที่ตัวร้ายมีมุมมองมีบทที่แข็งแรง มันทำให้เราได้เห็นว่า Peter ได้รับบทเรียนที่ล้ำค่า ทั้งการเป็นฮีโร่ที่มันต้องมีความรับผิดชอบที่มากกว่านั้น การแยกแยะประเด็นส่วนตัวให้ออกจากกัน เมื่อมองดูแล้วเขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มีจิตใจที่อ่อนไหวบริสุทธ์รักที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มากกว่าทำร้ายคนอื่น ความไม่เก่งความอ่อนด้อนในแง่ประสบการณ์ และต้องแก้ปัญหาเฉพาะแบบที่ชีวิตไม่เคยเจอมาก่อน
หนังมาในคราบเกรียนๆสไตล์ Comedy ผ่านตัวละคร Tom Holland มองในแง่ดีคือการตีความได้สดใหม่ มีความอ่อนต่อโลก อยากเป็นฮีโร่เพื่อให้ได้รับการยอมรับ แต่ต้องปิดบังตัวตนเอาไว้ หรือการแบกรับชีวิตรอบด้านอีกเยอะแยะ เราคงไม่มีทางได้เห็น Peter จากหนังเวอร์ชั่นก่อนๆแบบนี้ได้แน่ๆ เป็นการเปิดตัวน้อง Tom จนได้เสียงชื่นชม อีกคนที่ต้องชื่นชมคือ Michael Keaton ที่มาน้อยแต่ร้อยเต็ม การเปิดตัวได้น่าเกรงขาม กลายเป็น 1 ตัวละครที่สร้าง Impact ให้หนังได้ทันที
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Laura Harrier นึกว่าตัวเองได้เล่นบท MJ
- Tom Holland ต้องปลอมตัวไปเล่นหนังสือที่ไฮสคูลใน New York
- Sony และ Marvel เห็น Tom Holland ครั้งแรกจากหนัง The Impossible
- มีนักแสดงชายกว่า 1,500 คนมาแคสต์บท Peter Parker
- มีผู้กำกับหนังมากมายกว่า 7 รายที่ได้โอกาสเสนอไอเดียทำหนัง แต่กลับเป็น Jon Watts ที่ไม่เคยทำเงินได้กำไรได้โอกาสทำหนังฟอร์มยักษ์เป็นครั้งแรกในชีวิต