Scream VI (2023)
หวีดสุดขีด 6
คะแนน
โกดังหนัง
นี่คือหนังสยองขวัญที่โคตรโดนใจ เติมเต็มส่วนผสมหนัง Slasher และ Whodunit กลายเป็นงานที่พล็อตเรื่องเจ๋ง ปั่นประสาทหลอกล่อคนดู จากฉากแรกไปจนถึงฉากสุดท้าย ลุ้นระทึกตลอดเวลา ฆาตกรโหดเข้าขั้นเลือดสาด แถมหยอกล้องานสยองขวัญเพียบ ไปดูเถอะไม่ผิดหวัง
คำคมจากภาพยนตร์
"Don't trust anyone"
"อย่าได้คิดไว้ใจใคร"
เรื่องย่อ
เหล่าผู้รอดชีวิตจากการสังหารโหดของโกสต์เฟส ได้ตัดสินใจทิ้งเมืองวู้ดส์โบโร่เอาไว้เบื้องหลัง เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในมหานครนิวยอร์ก โดยที่พวกเขาก็ไม่คาดคิดเช่นเดียวกันว่า สิ่งที่กลัวที่สุดได้ติดตามมาหลอกหลายพวกเขาถึงเมืองใหญ่แห่งนี้ เมื่อนักฆ่าหน้าใหม่ออกมาอาละวาด
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Scream 6 นี่เป็นหนังที่แฟนแนวสยองขวัญไล่ฆ่าไล่เชือดไม่ควรพลาดเด็ดขาด ถ้าหากติดตามมาตั้งแต่ภาคแรก ปี 1996 ยังไงก็ต้องไปดู หรือต้องการหาความแปลกใหม่จากหนังแนวนี้ นี่จะเป็นหนังชุดที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมากมาโดยตลอด แม้ว่าเรื่องราวมันจะชุลมุนวุ่นวาย และดูเหนือเหตุและผลไปบ้าง แต่หากมองในแง่ความบันเทิง เอาสะใจ ให้ชวนคิดถึงบรรยากาศเดิมๆ แล้วนั้น ก็เรียกได้ว่าหนังตอบโจทย์ให้กับเราได้เป็นอย่างดี ทำให้ใครที่ชอบหนัง Scream ภาคเดิมๆ มาอยู่แล้ว หรือหนังแนว Slasher ฆาตกรหน้ากาก อย่าง I know what you did last summer หรือ Halloween อะไรพวกนี้แล้ว รับรองเลยว่าเหมาะมากๆ
- สายหนังสยองขวัญไล่เชือด
- สายหนังฆาตกรโรคจิต
- สายหนังไล่ฆ่าตลกร้าย
รีวิว / สรุปเนื้อหา
นี่คือหนังไล่ฆ่าไล่เชือดที่มีกลิ่นอายแบบ Slasher และ Whodunnit ฆาตรสุดโหดสวมหน้ากากไล่ล่าคนอย่างบ้าคลั่ง เสพติดความมันส์ แถมสาดพล็อตเรื่องที่หักมุมฉีกกฏเกณฑ์ทุกข้อจำกัดของหนัง Slasher แนวคลาสสิกที่เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างมีแบบแผน ต้องมีตัวประกอบที่ตายก่อนเพื่อนเพราะชอบแยกตัวออกจากกลุ่ม, มีคู่รักที่ตายพร้อมๆกันเพราะแอบไปรักในที่ลับตาคน, หรือมีนางเอกเป็น The Final Girl ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายซึ่งมีลักษณะคล้ายกันในแทบทุกเรื่อง ในภาค 6 นี้ องค์ประกอบถูกปรับเปลี่ยนใหม่ พยายามหยอกล้อทฤษฎีหนัง Slasher ยุคก่อน ทิ้งไป สร้างเรื่องราวที่ลุ้นระทึก หวาดระแวงผ่านตัวละครอยู่ตลอดเวลา ทำให้คนดูรู้สึกสับสนตั้งข้อสงสัยสืบเสาะหาคนร้ายตัวจริงให้ได้ว่าใครกันแน่ที่แฝงตัวมาฆ่า หนังเองก็สับขาหลอกผู้ชมและหักมุมไปมาแบบที่ไม่ทันคาดคิดว่ามันจะพลิกไปมาแบบนี้ เป็นกำไรของคนดูที่ได้เห็นการหนีตายที่เมามันส์ตื่นเต้นไปกับซีนเชือดเดือดๆแทงยับของ Ghostface จอมอำมหิต ที่ภาคนี้สะสมความเค้นมาไล่ฆ่าคนแบบโหดเลือดสาด
นอกจากพล็อตเรื่องที่ซับซ้อนหนังภาคนี้ดำเนินเรื่องได้น่าสนใจ การกระจายเนื้อหาผ่านหลากหลายตัวละคร ดึงนักแสดงเก่าๆในแฟรนไชส์นี้บางคนกลับมาสร้างสีสัน ต่อเติมเรื่องราวย้อนจากภาคก่อนๆ การวางโครงเรื่องไปที่ New York เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผู้กำกับ Tyler Gillett, Matt Bettinelli-Olpin รู้ดีว่าจะกำหนดทิศทางหนังไปทางไหนเพื่อตอบโจทย์แฟนๆหนัง Slasher หนีตายก็ว่าสนุกแล้ว มันบันเทิงที่ว่าหนังสรรหามุมมองใหม่มาเติมเข้าไปกับการหนีตายจาก Ghostface ขณะเดียวกันมันยังพาคนดูไปเก็บเกี่ยว Easter Egg ระหว่างทาง แถม Tribute แฟรนไชส์นี้ ถ้าหากอยากดูเรื่องนี้ให้เข้าใจแนะนำว่ายังไงก็ต้องดู Scream 4 , Scream 5 ด้วย เพื่อจะได้จูนเนื้อหาได้ทัน สิ่งที่สัมผัสได้จากแฟรนไชส์นี้อย่าง 1 คืออันตรายภัยร้ายมันมาจากมุมมืดที่เราไม่ระวังไม่ทันตั้งตัว บางคนเราหลงลืมไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่มองข้ามไปจะมาทำร้ายเรา มันกลายเป็น 2 ชั่วโมงที่บ้าคลั่งโหดเลือดสาดที่ดูแล้วโคตรโหดโคตรสะใจ
มาพูดถึงกลุ่มนักแสดงนำกันบ้าง Melissa Barrera เรื่องนี้เธอโดดเด่นสง่างามเหลือเกินไม่คิดว่า สาวน้อยเม็กซิกันคนนี้จะดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม เธอกลายเป็นหัวใจหลักสำคัญของหนังภาคนี้ไปเลย ชอบคาแรกเตอร์ที่มีความหวาดกลัว รู้สึกผิด มีบาดแผลมีตราบาปที่ไม่มีวันสลัดออกไปได้ กลายเป็นว่าการแสดงที่สุดท้าทาย ด้านน้อง Jenna Ortega นักแสดงสาวสุดฮอตจากซีรีส์ Wednesday ที่ชั่วโมงนี้ถนัดคอนเทนต์ประเภทระทึกขวัญไปไหนเราจะได้เห็นเธออยู่ในหนังซีรีส์ดาร์คๆ ทำให้เธอการแสดงที่ซับซ้อนจากงานเรื่องก่อนๆ Jack Champion หนุ่มหล่อน่าจับตามองจาก Avatar 2 ที่เปิดตัวหนังเรื่องนี้ได้น่าประทับใจ พิสูจน์แล้วว่าเขาคือดาราวัยรุ่นมาแรงของฝ่ายชายในยุคนี้ เรียกว่าเขาคือทีเด็ดในหนังภาคนี้อย่างแท้จริง
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่มีตัวละคร Sidney Prescott ที่แสดงโดย Neve Campbell อยู่ในแฟรนไชส์เพราะมีปัญหาเรื่องค่าตัว
- หนังเรื่องนี้ไม่ได้ถ่ายทำที่อเมริกา แต่เลือกไปถ่ายทำที่แคนาดา