Petite Maman (2022)
เจ้าหญิงน้อย
คะแนน
โกดังหนัง
ความยาวในหนังอาจจะสั้น 72 นาที แต่มันกลับเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข มันอบอุ่นหัวใจมากๆเรียบง่ายละมุนละไม นำพาผู้ชมอยากย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง บทหนังเล่าเรื่องได้คมคายมาก ไม่แปลกใจที่ชนะใจนักวิจารณ์ทั่วโลก
คำคมจากภาพยนตร์
"Sometimes secrets are kept, not because of undesireably being told but because of no listeners."
"ความลับบางครั้งไม่ใช่เพราะไม่อยากบอก แต่ไม่มีคนฟังต่างหาก"
เรื่องย่อ
เนลลี เด็กน้อยวัย 8 ขวบ ที่คุณยายเพิ่งเสียชีวิตไป เธอกับครอบครัวเลยต้องไปที่บ้านคุณยาย เพื่อจัดการกับข้าวของทุกอย่าง แต่เรื่องราวก็มาสะดุดลงตรงที่แม่ของเธอหายตัวไปในวันรุ่งขึ้น ซึ่งการไม่มีแม่อยู่ทำให้เด็กน้อยได้เจอเข้ากับเพื่อนใหม่ในป่า โดยที่ มาริยง เด็กหญิงในป่าคนนี้ ก็อายุ 8 ขวบ เท่ากับเธอนั่นแหละ แล้วเพื่อนใหม่คนนี้ยังเป็นคนที่น่าสนิทใจด้วยซะเหลือเกิน จะมีสักกี่คนที่เพิ่งเคยพบ แต่เหมือนรู้จักกันมานานแสนนานแบบนี้บ้างนะ?
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Petite Maman เป็นหนังที่เล่าเรื่องได้เรียบง่ายดูแล้วอบอุ่นหัวใจ นำเสนอความไร้เดียงสาของเด็กน้อยที่ปมกับความเศร้าความสูญเสียกับความไม่แน่นอนเรื่องความเป็นความตาย พล็อตหนังไม่ได้ดราม่าเชิงปรัชญา หนังจึงมีความเป็นหนังครอบครัวกลายๆได้เข้าอกเข้าใจการใช้ชีวิตที่มากขึ้น คนที่ดูหนังเรื่องนี้คือคนที่ชอบความสัมพันธ์ในครอบครัวโดยเฉพาะสายใยของแม่และลูกที่นำเสนอได้ตรงไปตรงมามากแถมยังแฝงไปด้วยความอ่อนโยน ไม่แปลกใจที่หนังชนะใจนักวิจารณ์ทั่วโลกมันซึ้งกินใจมาก
- สายหนังรางวัล
- สายหนังดราม่า
- สายหนังความสัมพันธ์ในครอบครัว
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หลังจากที่ถ่ายทอดความรักผู้หญิงได้งดงามยังกับบทกวีใน Portrait of a Lady on Fire ไปแล้ว มารอบนี้ผู้กำกับหญิงแกร่งจากแดนน้ำหอม Céline Sciamma ก็มาด้วยไอเดียแนวทางใหม่มาในสไตล์หนังดราม่าแฟนตาซีใช้ตัวละครผู้หญิงนำเรื่องเหมือนเช่นเคย เรื่องนี้ดูง่ายมากๆพล็อตแต่ทุกวินาทีของหนังตราตรึงทรงพลังมาก เนื้อหามีกลิ่นอายแบบนิทานก่อนนอน ตลอดทั้งเรื่องเวลาอาจสั้นแต่หนังกลับพาเราโหยหาช่วงชีวิตในวัยเด็กอีกครั้ง ความสนุกสนานแบบไร้เดียงสาไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบ แต่ในขณะเดียวกันหนังก็แฝงไปด้วยความเจ็บปวดเรื่องการบอกลา และการมีชีวิตอยู่ของคนมันจะเกิดอะไรขึ้นหากบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับคนรอบข้างเราไม่ทันตั้งตัว เหมือนที่ตัวละครเสียยายที่รักไป และก็เดินเล่นสำรวจพื้นที่รอบๆข้างซุกซนไปตามประสาเด็กอยู่ดีๆกับไปสนิทกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่เคยไปรู้จักอะไรมาก่อน บริเวณกระท่อมกลางป่า แต่พวกเขากลับสนิทสนมกันรวดเร็วราวกับว่ารู้จักกันมานาน พวกเขาต่างแบ่งปันความสุขกันและกัน ความโศกเศร้าที่เนลลีมีค่อยๆจางหายไป
หนังนำเสนอไอเดียว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหากเด็กน้อยคนหนึ่งได้ย้อนเวลากลับไปเจอแม่ของตัวเองในวัยเด็ก มันเหมือนเป็นการย้อนเวลา หากเราได้เห็นกับแม่เราในวัยเดียวกันเราจะรู้สึกอย่างไรบ้าง หนังไม่ได้ทำอะไรให้ซับซ้อนเลย ไม่มีธีมย้อนเวลา มีเพียงแค่ว่าเด็กน้อยวัย 8 ขวบคนหนึ่งมาเล่นสนุกในพื้นที่คุ้นเคยของครอบครัวเธอ แต่หนังแค่ขยายความสัมพันธ์ให้เห็นว่าเรารู้จักแม่ตัวเองดีแล้วหรือยัง แม่ของเธอพบความเศร้าอะไรบ้าง หนังกระเทาะจิตใจผูชมว่าเรามองพ่อแม่ตัวเองยังไง คนที่ผูกพันธ์ทางสายเลือด แม่เราพบเจอเรื่องราวอะไรมาบ้างก่อนจะส่งผลมาที่ชีวิตในปัจจุบัน เพราะข้อความที่หนังแอบแฝงพ่อแม่ก็เคยก้าวผ่านคำว่าเด็กมาก่อน เขาเองก็มีความฝัน พวกเขาก็มีความใสซื่อ มีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างจากเราที่มีความกังวล จิตใจที่อ่อนแอมาก่อน บทหนังมีความเศร้าแฝงไปด้วยความอ่อนโยน เพราะที่ผ่านมาแม่ของเนลลี่ก็มีความทุกข์ก็บอกกับใครระบายอะไรไม่ได้ ทำให้เธอเลือกหายตัวไปแบบไม่บอกไม่กล่าว เธอแค่อยากให้ใครสักคนมาเข้าใจเพียงแต่ว่าคนคนนั้นไม่มีนั้นเอง
บทหนังถ่ายทอดเรื่องราวมิตรภาพได้อย่างงดงามผ่านการแสดงของเด็กน้อย 2 คน Joséphine Sanz และ Gabrielle Sanz ซึ่งทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน ความสนิทชิดเชื้อในชีวิตจริงของทั้งคู่แบกเรื่องราวให้หนังละมุนละไมดูแล้วมีความสุขอมยิ้มกลับมานั่งคิดตามในหลายๆประเด็น เสนอสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกที่ได้แบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม ก็ทำให้เธอได้เรียนรู้ถึงความเศร้าที่กัดกินในปัจจุบัน เห็นสัจธรรมของชีวิต และการอยู่ร่วมกับความสูญเสีย ที่มีเพียงแค่เวลาเท่านั้น ที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ 2 สาวน้อยถ่ายทอดออกมาจนกลายเป็นหนังเด็กหวานอมขมคล้ายสิ่งที่แอนิเมชั่นค่ายจิบลิของฝั่งญี่ปุ่นนำเสนอมาเป็น 72 นาทีที่คุ้มค่าชีวิตที่ได้ดูมาก ๆ หลังจบเราทั้งยิ้มอย่างปรีดาและร้องไห้กับความเข้าใจตัวละครอย่างที่สุข
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- นักวิจารณ์หนังในภาคพื้นยุโรปยกให้หนังติดท็อปเท็นหนังยอดเยี่ยมปี 2021
- นี่คือหนังที่ Céline Sciamma กำกับแล้วมีความยาวน้อยที่สุด 72 นาที
- หนังคว้ารางวัลหนังต่างประเทศยอดเยี่ยมจากเวที Los Angeles Film Critics Association