No Time To Die (2021)
พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
คะแนน
โกดังหนัง
นี่คือการเปิดฉากพยัคฆ์ร้ายอย่าง Daniel Craig ได้ยิ่งใหญ่
ครบเครื่องทั้งพาร์ทแอ็คชั่นและดราม่า หนังจะอยู่ในลิสต์ Bond ในดวงใจแฟนๆแน่นอน
คำคมจากภาพยนตร์
"Harder to tell the good from bad, villain from heroes these days"
"เดี่ยวนี้แยกไม่ออกแล้วว่าใครเป็นคนดีคนเลว เป็นตัวร้ายหรือเป็นพระเอก"
เรื่องย่อ
เจมส์ บอนด์ วางมือจากการเป็นสายลับและใช้ชีวิตอยู่กับคนรัก ดร. เมเดอลีน สวอน ในอิตาลี แต่อยู่ๆเขาก็โดนตามไล่ล่าจากองค์กรสเปคเตอร์ ทำให้เขาขอแยกทางกับคนรักทันที แล้วไปใช้ชีวิตอยู่ที่ จาไมกา แต่ช่วงเวลาพักผ่อนนั้นก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เพราะ เฟลิกซ์ เลเตอร์ เพื่อนเก่าจากซีไอเอ มาขอให้เขาช่วยทำงาน เป้าหมายคือช่วยชีวิตนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ดูเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ บอนด์ต้องเข้าไปเผชิญกับศัตรูลึกลับที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สุดอันตรายเป็นอาวุธ ที่สามารถฆ่าคนบริสุทธ์ได้มากมาย เขาจึงต้องหยุดยั้งมัน
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ No Time To Die คือหนังที่ใส่ฉากแอ็คชั่นที่เล่นใหญ่อลังการระเบิดตูมตาม แฟนหนังที่ถวิลหาบอนด์แบบซัดฉากต่อสู้กันจะชอบงานชิ้นนี้ หนังไม่ได้มีแค่พาร์ทแอ็คชั่นอย่างเดียวที่แต่ยังมีพาร์ทดราม่าปัญหาของตัวละครที่มาเชื่อมโยงกับเนื้อหาได้เข้าแก๊ป ผู้ชมจะเต็มอิ่มกับหนังเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นแฟนหนังสายลับ 007 หรือไม่ก็ตาม หนังมีสูตรสำเร็จของบอนด์ยุคเก่าและยุคสมัยใหม่ที่สอดประสาทเรื่องราวได้ลงตัว แฟนหนังที่ชอบบอนด์ยุค Daniel Craig ไม่ผิดหวังแน่ๆ
- สายหนังแอ็คชั่นสายลับ
- สายหนังสายลับ 007
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ยอมรับว่าเราตื่นเต้นมากกับ บอนด์ภาคนี้ เพราะหนังพยายามขมวดประเด็นต่างๆในยุคของ Daniel Craig มากมายที่ค้างคาจาก 4 ภาคก่อนหน้านี้มาจับมัดรวมอยู่ในหนัง เอาง่ายๆคือฉากเปิดเรื่อง 20 กว่านาทีที่ยาวสุดในแฟรนไชส์ก็ผูกปมปัญหาได้บันเทิง ฉากแอ็คชั่นที่ใส่เข้ามาองค์ประกอบหนังช่วงแรกบีบอารมณ์คนดูได้อยู่หมัด หลังจากนั้นหนังก็ค่อยๆหยอดประเด็นปัญหาระหว่างคู่พระนาง วายร้ายตัวแสบที่หลอกซ้อนหลอก ใครจะไปคิดละว่า หนังเรื่องนี้ทำให้เราระแวงคนรอบข้าง บทเรียนที่ Bond เคยได้รับจาก Casino Royale ยังคงตามมาเหมือนเคย เราไว้ใจคือตัดสินคนที่หน้าตาไม่ได้เลยจริง เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปมิตรพร้อมเป็นศัตรู เราตัดสินคนกันง่ายเกินไป หรือการที่หลอกใช้คนร้ายเป็นเครื่องมือในการเล่นงานผู้อื่น สิ่งเหล่านี้มันเปลี่ยนไปมาก ทำให้ James Bond ภาคนี้ค่อนข้างปรับเนื้อหาให้ทันโลกยุคใหม่ ที่ชื่นชมคือบทหนังพยายามเพิ่มไดอาล็อคตัวละครสายลับผู้หญิงเข้่มา สายลับสาว 2 คน ไม่ว่าจะเป็น Nomi หรือ Paloma ที่รายหลังขโมยซีนได้เยอะมากออร่าสง่างามจนหลายๆคนเชียร์ให้ทำหนังภาคแยก
Bond ตอนที่ 25 มีกลิ่นอายงานยุคเก่าค่อนข้างเยอะ มีความเป็นฟิล์มนัวร์ตามสไตล์ที่ผู้กำกับ Cary Joji Fukunaga ที่อยากออกมาให้เป็นการวางเฟรมภาพที่สีสันกลมเกลือนมากในแต่ละซีน การเล่าเรื่องในแต่ละโลเคชั่น จากอิตาลี อังกฤษ นอร์เวย์ คิวบา จาไมก้า หรือฐานทัพวายร้าย หนังอัดแน่นด้วยศูนย์สำเร็จจาก Bond เรื่องก่อนๆ ไม่ได้ยัดฉากแอ็คชั่นเพื่อขายโปรดักชั่นเล่นใหญ่ระเบิดตูมตาม แต่ยังแฝงไปด้วยความเท่ห์ ง่ายๆเลยคือรถธรรมดาโดนวายร้ายตามล่า แต่กลับปรุงแต่งออกมาให้บันเทิงได้ ซาวด์ประกอบจาก Hans Zimmer ที่มาทำเพลงสกอร์ช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมหนังเรื่องนี้ไหลลื่นมาก การเล่าเรื่องนำเสนอออกมาได้ไม่เหมือนก่อน Bond เรื่องก่อนๆในยุค Daniel องค์ประกอบท้ายๆของหนังที่เป็นการลุยทำภารกิจ ดึงอารมณ์ผู้ชมได้มาก มันไม่ใช่แค่การสังหารวายร้ายตัวแสบ แต่หนังยังทุ่มซะหมดหน้าตักเอาให้ยิ่งใหญ่เลยจ้า แนะนำให้ไปดู IMAX งานภาพอลังการแน่ๆ
นักแสดงนำอย่าง Daniel Craig คุณคู่เครื่องกับบท 007 แล้ว ปิดฉากได้ยิ่งใหญ่ ฉากแอ็คชั่นที่ใส่เต็มหมดแม็กซ์ไม่มียั้งเลย พิสูจน์แล้วไม่หล่อไม่เท่ห์แต่มีดีที่การแสดง สะกดผู้ชมได้อยู่หมัดในภาคนี้ รู้สึกเสียดายเหมือนกันที่เจ้าตัวบอกลาบทนี้ที่ครองมานาน เราได้เห็นมุกตลกอารมณ์ขันที่ปล่อยออกมาหยอดแซวอยู่หลายๆฉาก คือหนังไม่ได้ทำดีแค่พาร์มดราม่าหรือแอ็คชั่นให้เขาแต่ก็มี Easter Egg ให้แฟนหนังบอนด์ประทับใจส่งท้าย ด้าน Léa Seydoux สาวบอนด์คนที่ 3 ที่กุมหัวใจพยัคฆ์ร้าย หน้าตานิ่งสุขุมเยือกเย็นเหมาะกับบทจิตแพทย์ เธองดงามมีเสน่ห์ ไม่ได้เล่นฉากแอ็คชั่น แต่บทดราม่าของเธอที่พูดต่อปากต่อคำกับ Daniel ผลักดันให้เธอเป็นสาว Bond ในดวงใจแฟนหนังแน่ๆ Rami Malek วายร้ายคนใหม่ที่เปิดตัวให้ดูน่ากลัวกว่า Blofeld ยอมรับว่าโผล่มาแต่ละซีนทำเอาสะดุ้ง ลุคดูแบบไม่มีพิษไม่มีภัยแต่เผชิญหน้ากับ Bond ออร่าความชั่วร้ายออกทันที และที่ไม่พูดไม่ได้คือ Lashana Lynch สายลับหน้าใหม่รหัส 00 และ Ana De Armas ทั้งคู่มาช่วยทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์ สายลับพลังหญิงก็บู๊ได้เก่งได้ยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ไม่ได้ขายแค่เซ็กซี่แต่ก็ต่อสู้ได้เด็ดดวงไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอก คนหลังนี่แหละแฟนหนังสายตาไม่กระพริบเลย
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ฉากเปิดเรื่อง No Time To Die ใช้ Aston Martin DB5 ถึง 5 คัน
- นี่คือ James Bond ที่มีความยาวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 2 ชั่วโมง 43 นาที
- บทหนังดั้งเดิม No Time To Die ไม่มี Ana De Armas หรือ Paloma แต่ผู้กำกับอยากให้มีเธอมาปรากฏตัวในหนัง
- Cary Joji Fukunaga คือผู้กำกับหนังคนแรกของแฟรนไชส์ที่เป็นคนอเมริกัน