House of the Dragon (2022)

ตระกูลแห่งมังกร

House of the Dragon Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

โคตรดุดัน โหด ดิบ เถื่อน โดนใจไปเต็มๆ รอตอนใหม่ไม่ไหวแล้วเนี่ย

หมวดหมู่ : History War
สัญชาติ : British
กำกับโดย : Miguel Sapochnik
ความยาว : 10 Episodes
นักแสดงนำ : Milly Alcock, Matt Smith, Emma D’Arcy

คำคมจากภาพยนตร์

"You cannot live your life in fear, or you will forsake the best parts of it."
"คุณไม่สามารถใช้ชีวิตด้วยความกลัว มิฉะนั้น คุณจะละทิ้งส่วนที่ดีที่สุดของมัน"

เรื่องย่อ

เรื่องราวก่อนหน้า 172 ปี ก่อนที่ แดเนริส ทาร์เกเรียน จะถือกำเนิด โดยเป็นเรื่องราวของตระกูลทาร์แกเรียนในยุครุ่งเรืองก่อนจะเข้าสู่ช่วงเสื่อมถอย และการแย่งชิงอำนาจเพื่อการสืบทอดบัลลังก์เหล็ก โดยเฉพาะการช่วงชิงสิทธิในบัลลังก์เหล็ก ระหว่าง เรนีร่า กับ ราชินี อลิเซนต์ ไฮทาวเวอร์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนรัก

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ House of the Dragon นี่คืองานที่แฟนๆ Game of Thrones ไม่ควรพลาด เนื้อหากลับไปสู่รากเหง้าดาร์คดุดัน ตีความสงครามความเลวร้ายของคนที่โลภเห็นแก่ตัวบ้าอำนาจแย่งชิงเพื่อความเป็นใหญ่ การเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง คาดเดาไม่ถูก เต็มไปด้วยอารมณ์ความตึงเครียด รู้จังหวะที่จะบิ้วอัพคนดูปล่อยจุดพลิกผัน ถ้าหากชอบหนังสงครามงานประวัติศาสตร์การรบราฆ่าฟันจะถูกใจมากเพราะความสนุกก็เดือดเข้าขั้นเลือดสาด องค์ประกอบมันส์สะใจที่ไม่แพ้หนังแอ็คชั่นสเกลที่ฉายโรง

  • สายหนัง Game of Thrones
  • สายหนังสงคราม
  • สายหนังย้อนยุค

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ถือเป็นการเซ็ตเรื่องราวใหม่ได้ถูกถูกที่ถูกทางมาก ส่วนตัวคิดว่าถ้าหากใครไม่ใช่แฟนซีรีส์ คนที่ดู Game of Thrones มาก่อน ถ้าหากเปิดใจรับชมบอกได้เลยว่า นี่คืองานภาคแยกที่ดูง่ายมากๆ นอกจากการปูเรื่องราวตระกูล Targaryen มันยังเป็นการสำรวจพื้นที่ตัวละครที่เข้มข้นกว่าเดิม บรรยากาศเนื้อหามันดูวังเวงไม่น่าไว้วางใจ ทุกคนมีสิทธิ์โดนฆ่าตายได้หมด เรื่องราวที่ดูซีเรียส มันคาดเดาอะไรไม่ได้เลย โทนภาพออกแนวดาร์ค เรื่องราววนเวียนกับครอบครัวการเมืองการแย่งชิงอำนาจบัลลังก์ ที่มีแคนดิเดตคือ เจ้าหญิงเรนิส ทาร์แกเรียน ราชินีที่ไม่เคยเป็น ลูกสาวของกษัตริย์เจแอรีส และสามีของเธอ ลอร์ดคอร์ลิส เวแลเรียน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนสำคัญของเวสเทอรอส เป็นผู้สืบทอดเชื้อสายวาลีเรีย อาณาจักรเก่าแก่ของต้นบรรพบุรุษสายเลือดมังกร

ตอนแรกทำออกมาได้ดุเดือด ดุดัน คุณภาพดีมากๆ ดีกว่าซีซั่นสุดท้าย อาจจะพูดได้เต็มปากว่า บทพิถีพิถันมากในการเล่าเรื่อง แค่ฉากพูดคุยกันน่าดูน่าชม เรากล้าบอกว่างานดีกว่าหนังฉายโรงบางเรื่องด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะกาแฟสตาร์บัคที่โผล่หลุดออกมาในวันนั้น ทำให้ทีมใส่ใจการดำเนินเรื่องทุกจุดแม่นยำ ตัวละครแทบทุกคนมีความเลวมีความเทาๆหมด ผลประโยชน์หักหลังทรยศเต็มไปหมด ฆ่ากันตายเพื่อแย่งขิงอำนาจ สนิทกับแทบตายก็มาแย่งบัลลังก์ คาแรกเตอร์ตัวละครจัดวางมาค่อนข้างดี คนเลว คนดี คนชั่วหวังผลประโยชน์สีหน้าแววตา ธาตุแท้เด่นชัดมาก การถ่ายภาพ การวางเฟรม อาจดูมึน บรรยากาศย้อนยุค แต่ดูจริงจัง ซาวด์ประกอบที่ชวนขนลุก ทำให้ฉากฆ่ากันตาย ฉากสู้กันแม่งได้อรถถรสชิบหาย ฉากสยดสยองและชวนช็อก เอกลักษณ์เดิมยังคงมีอยู่ ซีจีเทคนิคการร้อยเรียงเนื้อหา การบิ้วอัพเรื่องราวทำให้คนดูโฟกัสเนื้อหาได้ไปตั้งแต่ซีนแรกจนถึงซีนสุดท้าย

ในพาร์ทนักแสดงถือเป็นหัวใจสำคัญบทดีแค่ไหน แต่ถ้าคนเล่นไม่มีคุณภาพ ไม่อาจเชื่อมโยงคนดูได้ Matt Smith น่าจะเป็นนักแสดงที่ถูกพูดถึงเยอะ เพราะคุณพี่ดูเหมือนจะเหมาะกับคาแรกเตอร์ดาร์คๆจริงๆ เพราะบุคลิกเลวทราม หักหลัง มองแต่ผลประโยชน์ เจ้าเล่ห์ ขี้อิจฉา ไว้ใจอะไรไม่ได้ เขาเปรียบเสมือนปีศาจในคราบคนที่มาพร้อมกับภัยร้ายความอันตราย แทบลืมภาพจำจาก Morbius หรือ The Crown ไปเลยนะ เขาสร้างตัวละครได้มีมิติ ถือว่าสอบผ่าน และทำให้เนื้อหามี Impact ต่อผู้ชม ส่วน Milly Alcock มีบทบาทไม่เยอะ แต่เราดูการแสดงของน้องอยู่นะ เชื่อว่าตอนต่อๆไปจะมีอะไรดีๆให้ดู เช่นเดียวกับ Paddy Considine นี่คือตัวหลักที่เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นการช่วงชิงบัลลังก์ เรื่องคุณภาพไม่มีตกหล่น

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • แมัจะไม่พลาดเรื่องแก้วสตาร์บัคส์ แต่ทีมงานก็พลาดเรื่อง CG ในตอนที่ 3
  • ซีซั่นแรกมีมังกรอยู่ถึง 9 ตัว