Dune Part 2 (2024)

ดูน พาร์ท ทู

Dune Part 2 Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังฟอร์มยักษ์ที่ครบเครื่องทุกองค์ประกอบ บทดี การกำกับดี ดึงศักยภาพนักแสดงออกมาได้ถูกจุด งานสร้างเนี๊ยบ ควรค่าแก่การดูในโรงสักครั้ง

หมวดหมู่ : Adventure Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Denis Villeneuve
ความยาว : 2 ชั่วโมง 46 นาที
นักแสดงนำ : Timothée Chalamet, Zendaya, Rebecca Ferguson

คำคมจากภาพยนตร์

"You will never lose me Paul Atreides not as long as you stay who you are."
"คุณจะไม่มีวันสูญเสียฉันไป พอล อาทรีดีส ตราบเท่าที่คุณยังคงอยู่อย่างที่คุณเป็น"

เรื่องย่อ

Paul Atreides ต้องหนีการจากโดนตามฆ่า หลังครอบครัวโดนสังหารโดยตระกูล Harkonnen ทำให้เขากลายเป็นคนไร้บ้านและต้องลี้ภัยมาในเขต Fremen และต้องใช้ชีวิตใหม่ แน่นอนว่าเขาได้เรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดแบบโจร และสั่งสมประสบการณ์เพื่อกลับไปล้างแค้นและกอบกู้ศักดิ์ศรีให้ครอบครัวอีกครั้ง

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Dune นี่คือหนังที่คนชื่นชอบภาพยนตร์ไม่ควรพลาดเด็ดขาด ต่อให้เป็นแฟนนิิยาย แฟนหนังไซไฟไม่ควรพลาดมหากาฬสงครามเรื่องนี้ มันยิ่งใหญ่สมจริง จนสามารถพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าหนังเล่าเรื่องได้พิถีพิถัน ประดุจงานศิลปะชั้นยอด ทำให้แฟนๆจะได้ซึมซับห้วงอารมณ์ของหนังแบบเต็มอิ่ม ต่อให้ไม่ใช่แฟนนิยายเรื่องนี้ดูแล้วเข้าใจได้ไม่ยาก หนังทำให้เห็นว่าองค์ประกอบการปูเรื่องราวจากภาคแรกโคตรมีความสำคัญมากๆ แน่นอนว่าภาคนี้มีความกลมกล่อมทั้งบท โลเคชั่น ซีีนของหนังทำให้ผู้กำกับดึงศักยภาพนักแสดงออกมาได้อย่างหมดเปลือก ประเด็นความสัมพันธ์ตัวละครในเรื่องที่สรุปได้ค่อนข้างเคลียร์ทุกเม็ด

  • สายหนังแอ็คชั่นแฟนตาซี
  • สายหนังแฟนตาซีสุดอิพิค
  • สายหนังอลังการงานสร้างสุดยิ่งใหญ่

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หนังภาคนี้ทำให้เห็นถึงความสำคัญของหนัง Part แรกอย่างแท้จริง นี่คือหนังเกือบ 3 ชั่วโมงที่มอบความบันเทิงมากๆ เป็นหนังที่สร้างขึ้นมาแบบไม่ดูถูกคนดู หนังยกระดับในทุกๆองค์ประกอบ ภาพของหนังคืองานล้างแค้น แต่มันแฝงไปด้วยงานภาพไซไฟแบบล้ำๆที่มาพร้อมกับประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองการช่วงชิงอำนาจการอยากเป็นใหญ่เป็นโต ข่มเหงคนอื่นเพื่อให้ได้รับการยอมรับการจากคนอื่น ภาคนี้ได้สำรวจเรื่องราวมากมายที่มีความกระชัด ค่อนข้างชอบที่ผู้กำกับเล่าเรื่องได้อย่างงดงาม รู้ว่าจะทำยังไงเพื่อดึงคนดูให้อยู่กับเรื่องราว ทุกอย่างมีพัฒนาการที่ดีมากจากภาคที่แล้วตั้งแต่บทหนังที่พล็อตเรื่องแข็งแรง โดยที่ผู้กำกับไม่ได้เสียความเป็นตัวของตัวเอง และไม่ละเลยความสำคัญจากนิยายต้นฉบับเลย หนังค่อยปูให้เห็นภาพตัวละคร Paul ให้เห็นถึงพัฒนาการที่เติบโตขึ้นจากภาคแรก จากเด็กน้อย ที่เวลานี้พร้อมจะเผชิญหน้ากับโลกภายนอกแล้ว จากที่ภาคแรกมีหลายสิ่งหลายอย่างที่กั๊กเอาไว้ ภาคนี้ใส่หมดแบบไม่มียั้ง หนังมีประเด็นใหม่ๆที่จะเล่า แถมพาร์ทดราม่าความสัมพันธ์ของตัวละคร , ซีนแอ็คชั่นที่ตรึงคนดูได้อยู่หมัด ทุกอย่างขับเคลื่อนไปพร้อมๆกัน ซึ่งคงมีผู้กำกับไม่กี่คนที่ทำหนังแบบนี้ได้


มันกลายเป็นความบันเทิงที่ดูแล้วไม่อยากให้จบลงเลย เพราะองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ทำมาได้บันเทิงมาก หนังเรื่องนี้ให้อารมณ์ไม่ต่างจากงานศิลปะดีๆชิ้นเอกเลย การวางพล็อตเรื่องที่ดี งานสร้างเรื่องนี้เลยพิถีพิถันมากๆ การสร้างซีนสงครามที่สุดมันส์ การเลือกโลเคชั่นในตะวันออกกลางของจริงฉากกลางทะเลทรายคงมีหนังไม่กี่เรื่องที่เลือกไปถ่ายทำในสถานที่จริงที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ร้อนแบบนี้ แล้วงานภาพออกแบบมาได้โคตรดี การกำกับที่เคลื่อนไหวภาพได้เรียบง่ายเหมือนจับวาง การจัดแสง การเกลี่ยสีของหนังเรื่องนี้ เพลงสกอร์ที่มาขับเคลื่อนให้หนังได้ซาวด์ที่กระหื่ม หรือเทคนิคการใช้ CG บางส่วนที่เติมเต็มเข้ามามันแนบเนียน มันกลายเป็นงานที่ได้ฉากแอ็คชั่นที่โคตรดีสร้างอารมณ์ร่วมไปกับผู้ชม ส่งผลให้งานภาพที่ตัดออกมาไม่มีอะไรที่น่าเบื่อน่าผิดหวัง กล้าพูดเลยว่านี่คือหนังมหากาฬสงครามที่ดีสุดในรอบ 20 ปีนับตั้งแต่ The Lord of the Rings


ค่อนข้างชอบการแสดงของ Timothee ในบทบาท Paul เขาเป็นตัวละครที่ผู้ชมคิดว่าเขาคงต้องไปล้างแค้น แต่ในอีกมิติหนึ่งเขาเป็นตัวละครที่เลือกอะไรไม่ได้เลยในสงครามครั้งนี้ ถ้าไม่คิดไปสู้เพื่อครอบครัวก็รอเวลาโดนฆ่า และอาจส่งผลกระทบไปยังแม่ตัวเองด้วย แน่นอนว่าเมื่อไม่มีทางเลือก ก็ต้องละทิ้งความหวาดกลัวความอ่อนแอ ต้องสู้ในแบบฉบับตัวเอง และการต่อสู้ในครั้งนี้ก็เพื่อกอบกู้เพื่อตระกูลไม่ตายก็ชนะมีอยู่แค่นั้นจริงๆ เรื่องนี้ได้เห็นมิติใหม่ๆของ Timothee ที่เติบโตจากภาคแรก ส่วนน้อง Zendaya เรื่องนี้ได้มีเวลามากขึ้นจากภาคแรก มาช่วยซัพพอร์ท Paul ได้เยอะ แต่คนที่ขโมยซีนที่สุดในเรื่องกลับกลายเป็น Austin Butler การเพิ่มน้ำหนัก 25 ปอนด์เพื่อบทร้ายอำมหิตในเรื่อง เรียกว่าเขาได้แสดงฝีมือจริงๆ เรื่องนี้ฉายแววให้เขาเป็นดาวรุ่งอนาคตไกลได้สบาย

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Lea Seydoux ชนะ Amy Adams, Gwyneth Paltrow, Elizabeth Debicki, Eva Green จนได้แสดง Lady Margot Fenring
  • หนังเลือกไปถ่ายทำทะเลทรายในอาบูดาบีในยูเออี แทนจอร์แดน
  • Austin Butler ทำน้ำหนักร่างกาย 25 ปอนด์เพื่อบทวายร้าย
  • Stellan Skarsgård ใช้เวลา 8 ชั่วโมงเพื่อ Make Up ร่างกายก่อนไปเข้าฉากถ่ายทำหนัง