Closemovie (2022)

รักแรก วันนั้น

Closemovie Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

ดูจบหัวใจแตกสลายทันที ไม่คิดว่าคำพูดไม่กี่คำสร้างบาดแผลให้ชีวิตได้ขนาดนี้ หนังสอดแทรกแง่คิดได้ตรงไปตรงมาผ่านตัวละครเด็กที่ไร้เดียงสามันได้ห้วงอารมณ์ที่เจ็บปวดแต่งดงาม

หมวดหมู่ : Drama
สัญชาติ : Belgium
กำกับโดย : Lukas Dhont
ความยาว : 1 ชั่วโมง 45 นาที
นักแสดงนำ : Eden Dambrine, Gustav De Waele, Émilie Dequenne

คำคมจากภาพยนตร์

"I cry pretty easily, I can't control it. Actually, being strong isn't necessarily holding back your tears."
“หนูเป็นคนร้องไห้ง่ายมาก พอเริ่มร้องแล้วก็หยุดไม่ได้ หนูว่าการเป็นคนเข้มแข๋งไม่จำเป็นต้องกลั้นน้ำตาเสมอไป”

เรื่องย่อ

มิตรภาพอันลึกซึ้งของเด็กหนุ่มวัย 13 ปีระหว่าง Leo และ Remi แต่ได้เกิดอะไรบางอย่างขึ้นที่ทำให้มิตรภาพของทั้งคู่ต้องสิ้นสุดลงไป Leo จึงพยายามเรียนรู้และหาคำตอบในความสัมพันธ์ที่กำลังพังทลายลงไปนี้ โดย Close จะพาคุณจะไปสัมผัสทุกความรู้สึกอันลึกซึ้งในมิตรภาพอันอ่อนโยนของทั้งคู่

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Close นี่คืองานที่คอหนังสายรางวัลไม่ควรพลาด คำพูดไม่กี่คำสร้างบาดแผลสร้างความเจ็บปวดให้ใครต่อใครแบบไม่ทันตั้งตัว หน้าหนังพูดถึงการเติบโตการใช้ชีวิตของเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาที่ในโลกที่อันตรายและมีความเปราะบาง การเติบโตเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไม่เคยมีคำว่าง่าย เรามักหลงเชื่อหลงระเริงกับคำพูดคนแปลกหน้าจนละเลยสิ่งที่สำคัญในชีวิตทั้งเพื่อนมิตรภาพ แต่ในเวลาเดียวกันมันคือบันทึกที่พาคนดูไปสำรวจชีวิตในวัยเด็กว่าเราเองได้สร้างรอยร้าวไว้เมื่อไหร่บ้าง หนังไม่มีพล็อตที่ซับซ้อน 90 นาทีได้น้ำตาแตกแน่ๆ

  • สายหนัง Coming of age
  • สายหนังนอกกระแส
  • สายหนังดราม่า

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ตอนดูครั้งแรกสัมผัสได้ถึงความปวดร้าวและบรรยากาศหนังทำให้คนรอบข้างเสียน้ำตาไปทันที ไม่น่าเชื่อว่ากรอบเวลาแค่ 90 นาทีหนังทำงานบั่นทอนความรู้สึกคนดูได้บาดลึกแบบนี้ ทั้งที่พล็อตเรื่องคือตัวละครเด็กผู้ชาย 2 คนจากชนบทเบลเยียมเป็นเพื่อนเล่นสนุกสนาน พวกเขาไปไหนมาไหนกันตลอดเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาจึงกลายเป็นเหมือนคนที่เข้าอกเข้าใจกัน แต่เมื่อชีวิตเข้าสู่วัยมัธยมเติบโตไปอีกวัยหนึ่งมุมมองชีวิต ห้วงอารมณ์มันค่อนๆเปลียนไป มิตรภาพแบบวันวานแบบความไร้เดียงสาสนุกแบบเดิมๆไม่มีอีกแล้ว การโดนล้อโดนบูลลี่จากคำพูดไม่กี่คำกลายเป็นบาดแผลกลายเป็นตราบาปให้เพื่อนรักและกลายเป็นโศกนาฏกรรมตลอดไป หนังหลีกเลี่ยงความดาร์คแต่กลับเล่นไปยังความรู้สึกอารมณ์ของตัวละครที่อยู่ดีๆเป็นเพื่อนกันมาโดนตัดขาดไร้เยื่อใยแบบนี้ โดยที่อีกฝ่ายงงไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงทำกันแบบนี้ จิตใจคนเรามันเปราะบางถ้าหากไม่ระมัดระวังบางทีอันตรายก็มาเยือนได้ทันที

จริงๆมันเป็นเรื่องยากมากที่ใครสักคนหยิบชีวิตส่วนตัวมาเล่าในพล็อตดราม่าความสัมพันธ์ของเพื่อนซี้ เพราะเรื่องแบบนี้คนดูไม่ค่อยจะอินและตกม้าตายกันยกใหญ่ แต่ Lukas Dhont กลับสร้างสรรค์ออกมาด้วยความอ่อนโยนและบดขยี้ในจังหวะที่เหมาะสมทำให้คนดูไปสัมผัสและนึกถึงความทรงจำในวัยเด็กที่เติบโตเราเองก็คงไปสร้างบาดแผลให้ใครต่อใครเช่นกัน และเราเองก็ชอบมารู้สึกผิดตอนที่มันสายเกินไปแล้วทุกครั้ง คนเราชอบทำตัวเข็มแข็งอยู่ตลอดเวลาเพื่อปกป้องความเจ็บปวดของตัวเองเอาไว้ให้ใครรับรู้และก็ขันมันไว้แบบนั้น บาดแผลที่เขาได้สร้างเอาไว้ไม่มีทางหายดีเพราะการทำลายใครสักคนตัดคนนั้นออกไปจากชีวิต สิ่งที่ทำได้คือเวลาที่เราต้องทนอยู่กับมันต่อไป เป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้ได้เข้าใจเลยว่าโลกใบนี้อันตรายความขัดแย้งมากมายเกิดจากคำพูดแย่ๆเพียงไม่กี่คำ

หนังเต็มไปด้วยเทคนิคการเล่าเรื่องแบบ Close Up ระดับสายตามันทำให้เราได้เห็นคาแรกเตอร์ของนักแสดงเด็ก 2 คน ที่จากอ่อนหวานโลกสวย กลายเป็นว่าหดหู่เจ็บปวด รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ก่อไว้กับเพื่อนรักได้แบบยากจะลืมจนได้เห็นคาแรกเตอร์ความเปลี่ยนแปลงของหนังในช่วงครึ่งหลังที่โทนเรื่องพลิกผัน การวางเฟรมภาพมีส่วนสำคัญดึงการแสดงของ Eden Dambrine ออกมาได้ดีเกินคาด เด็กหนุ่มไร้เดียงสาที่ไม่มีประสบการณ์งานแสดงมาก่อน เล่นเรื่องแรกถ่ายทอดความผิดหวังออกมาได้บาดลึก รวมถึงตัวละครที่มาซัพพอร์ทอย่าง Emilie Dequenne ที่ช่วยเติมเต็มจังหวะให้น้องๆแสดงทำออกมาได้ไหลลื่น

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Eden Dambrine เล่นหนังเป็นครั้งแรกในชีวิตเพราะผู้กำกับ Lukas Dhont ไปเจอบทรถไฟฟ้า