Black Swan (2010)
แบล็ค สวอน
คะแนน
โกดังหนัง
ดำดิ่งไปกับการสำรวจจิตใจมนุษย์ ผ่านตัวละครหงส์ขาวไปสู่หงส์ดำ กับการเล่าเรื่องและจัดฉากออกมาได้ชวนสยอง บีบคั้นหัวใจเป็นอย่างมาก
คำคมจากภาพยนตร์
“Perfection is not just about control. It’s also about letting go. “ความสมบูรณ์แบบไม่ได้เป็นแค่เพียงเรื่องของการควบคุมเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการปล่อยวางด้วย”
เรื่องย่อ
นีน่า สาวที่ทุ่มเทให้กับบัลเลต์มาตั้งแต่เด็ก โดยมีความฝันอันยิ่งใหญ่ในการรับบทแสดงนำให้คณะบัลเล่ต์ของเมืองนิวยอร์ค จนกระทั่งเธอมีโอกาสได้รับบทนำในบทละครเวทีที่มีชื่อว่า Swan Lake ในบทที่แสนท้าทายเพราะต้องแสดงเป็นทั้ง หงส์ขาว และ หงส์ดำ ที่มีลักษณะแตกต่างกันแบบเป็นขั้วตรงข้าม ซึ่งในส่วนของหงส์ขาว จะเน้นความจิตใจดี มีความสง่างาม ในขณะที่หงส์ดำ ก็มีความชั่วร้าย ดุดัน จนทำให้เธอต้องแบกรับความรับผิดชอบที่แสนสำคัญนี้ ไปพร้อมๆ กับความกดดันจากครูฝึก เพื่อนร่วมทีมที่รอเสียบบทของเธอ และปมในจิตใจเกี่ยวกับแม่ของเธอด้วย
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Black Swan จะเหมาะกับคอหนังสายรางวัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นแนวระทึกขวัญ สยองขวัญ จิตวิทยา ที่หนังเองนั้นทำออกมาได้โดดเด่นกว่าพาร์ทดราม่าเสียอีก ในหลายๆ ฉากของหนังเรียกได้ว่าเข้าสู่โซนที่ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัวกับสภาพจิตใจของตัวละครได้เลยด้วยซ้ำ แม้ว่าฉากเหล่านั้นจะไม่มีภูติผีหรือวิญญาณก็ตาม ถ้าใครที่ชอบหนังสไตล์ดาร์คๆ หลอนๆ ตามฉบับของผู้กำกับ Darren Aronofsky ในแบบของ Mother หรือ Requiem for a Dream แล้ว ส่วนตัวคิดว่า Black Swan จะดูง่ายกว่า และเข้าถึงตัวละครได้มากกว่าจนอยากแนะนำ
- สายหนังรางวัลชั้นดี
- สายหนังสยองขวัญจิตวิทยา
- สายหนังสำรวจจิตใจตัวละคร
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หนังดราม่าจิตวิทยาสุดหลอน ที่ต้องอาศัยการตีความอยู่ไม่น้อยตามสไตล์หนังของผู้กำกับ Darren Aronofsky ที่สร้างสภาวะทางจิตใจของตัวละครขึ้นมาได้อย่างซับซ้อน ของ นีน่า ที่ภายนอกเปรียบเสมือนสาวใสซื่อ ที่ดูอ่อนโลก ภายใต้การประคบประหงมจนเกินพอดีของแม่เธอ ก็สร้างสภาวะความเก็บกดที่ก่อตัวมาเรื่อยๆ จนคนดูจะได้ค่อยๆ เริ่มเห็นการที่ตัวละครนี้ ค่อยๆ ขยับเข้าสู่ด้านมืดที่ละนิด จากการที่ถูกกดดันในการรับบทหงส์ดำ ควบคู่ไปกับหงส์ขาวในเวลาเดียวกัน ซึ่งแม้ว่าด้วยนิสัยของเธอนั้นจะสามารถทำได้ดีอยู่แล้วในหงส์ขาว ปัญหาจึงตกมาสู่การเป็นหงส์ดำให้เข้าถึงบทบาทนั่นเอง
การเข้าสู่สภาวะหงส์ดำของเธอนั้น จึงเต็มเป็นด้วยกิจกรรมนอกลู่นอกทางที่พาเธอค่อยๆ ออกมาจากกรอบขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการเริ่มออกเที่ยวกลางคืน การใช้ยาเสพติด ไปจนถึงแรงกระตุ้นในเรื่องเพศ ที่ทำให้ตัวเธอนั้น ค่อยๆ เผยถึงสันดานดิบในตัวออกมา และมีความเหมาะสมที่จะเป็นหงส์ดำมากขึ้น ซึ่งหนังก็ค่อยๆ ถ่ายทอดเรื่องราวในส่วนนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงการแสดงของ Natalie Portman ภายใต้สภาวะความสับสนทางจิตใจ ก็ทำออกมาได้เหนือชั้นมากๆ จนบางฉากก็ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากตัวเธอได้ไม่น้อยเลย
ทำให้คนดูก็ไม่แปลกใจเท่าไรนัก หากดารานำอย่าง Natalie Portman จะได้ออสการ์ และลูกโลกทองคำมาครอง ในสาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมในปีนั้น เพราะสิ่งที่เธอฝากเอาไว้ในการแสดงเรื่องนี้ เป็นอะไรที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง แล้วมาประกอบกับงานกำกับสายดาร์คๆ เข้าไปอีก ก็ทำให้การรับชม Black Swan นั้น ก็เป็นอีกประสบการณ์สุดแปลก เสมือนได้ดูหนังสยองขวัญชั้นเยี่ยมสายรางวัลเลยทีเดียว เพราะแต่ละฉากของหนังล้วนออกมาสร้างความกดดัน บีบคั้นตัวละคร แม้จะมีการแทรกสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เข้ามาให้ตีความ ที่ถึงแม้ว่าจะเข้าใจบ้างหรือไม่เข้าใจบ้างก็ยังสนุกไปกับหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- กว่าที่ดาราอย่าง Natalie Portman นั้นจะกวาดรางวัลดารานำหญิงมาจากหลายๆ เวทีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเธอนั้นถึงขนาดลดน้ำหนักลงไป 20 ปอนด์ และยังต้องไปเรียนการเต้นมาเป็นปีเพื่อมารับบทนี้ แถมยังเป็นการควักเงินตัวเองเพื่อไปเรียนก่อนที่หนังจะได้ทุนมาอีก ความทุ่มเทของเธอนั้นมีมากขนาดที่ว่าผู้กำกับ Aronofsky ยังต้องเอ่ยปากชมเลย
- Natalie Portman ได้สามีเป็นนักออกแบบท่าเต้นอย่าง Benjamin Millepied ที่ว่ากันว่าในตอนถ่ายทำ เขาชอบมาสนใจเธอในการเต้น มากกว่านักเต้นคนอื่นๆ ในเรื่องเสียอีก และสุดท้ายทั้งคู่เลยได้ลงเอยกันพร้อมกับพยานรักอีก 2 คน