โดย Extraordinary Attorney Woo เป็นเรื่องราวของทนายสาวอูยอนอู ที่เป็นสาวอัจฉริยะออทิสติก ที่สามารถจดจำหนังสือกฏหมายได้เป็นเล่มๆ ตั้งแต่สมัยเด็ก จึงได้เติบโตมาและทำอาชีพทนายในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เธอจึงได้รับมอบหมายให้ทำคดีต่างๆ และยิ่งเมื่ออยู่ไป ทุกคนก็ได้เห็นความสามารถของเธอในการทำงาน พร้อมทั้งความสัมพันธ์กุ๊กกิ๊กกับเพื่อนร่วมงาน รวมถึงอดีตของเธอที่กำลังจะโดนขุดคุ้ยด้วย วันนี้เราเลยอยากจะมาเชียร์ + บิวท์ด้วย 5 เหตุผลว่าทำไม Extraordinary Attorney Woo ถึงเป็นซีรีส์เกาหลีอีกเรื่องที่ต้องดูของปีนี้จริงๆ สามารถดูได้ใน Netflix เลย

1. ซีรีส์แนว Courtroom ที่เข้มข้น แต่ก็เข้าใจง่าย

แม้ว่าเรื่องราวจะเป็นแนว Courtroom หรือเน้นการว่าความคดีในศาล ที่ปกติจะมีความซับซ้อนของข้อกฏหมายจนงงว่าตัวละครพูดอะไรกัน แต่ในเรื่องนี้กลับถูกเอามาย่อยให้ง่ายขึ้น ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครทำอะไรลงไป และจะหาทางแก้ต่างอย่างไร ทุกอย่างดูเล่าแบบเป็นระบบและเป็นขั้นเป็นตอนมาก เสมือนเป็นการฝึก Logic ให้เราได้คิดตามอยู่เหมือนกัน จนพอเข้าใจแล้วก็น่าจะสนุกไปกับเรื่องราวได้ง่ายขึ้น 

โดยเฉพาะเวลาที่นางเอกนึกถึงปลาวาฬ ตอนที่เจอช่องทางในการแก้ปัญหาแล้ว ก็ชวนอยากรู้เหลือเกินว่าจะมีช่องอะไรให้ชนะในแต่ละคดีที่ดูไร้หนทางได้ และแนวทางการแก้ปัญหาแต่ละอันก็ทำออกมาได้ชวนว้าวดีไม่น้อยเลย

2. ทำความเข้าใจและรู้จัก ผู้ที่มีสภาวะออทิสติคสเปกตรัมได้ดีขึ้น

ในโลกยุคแห่งการ Diversity และความหลากหลายแบบนี้ การที่เราได้ดูเรื่องราวของผู้คนที่แตกต่างก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้เราเข้าใจโลก และความแตกต่างที่มีมากยิ่งขึ้น อย่างในเรื่องนี้ ตัวเอกอย่าง อูยอนอู เอง ก็เป็นตัวละครที่มีสภาวะออทิสติกสเปกตรัม ที่โดนกีดกันจากการทำงาน แม้ว่าเธอนั้นจะจบมหาวิทยาลัยดังด้วยคะแนนสูงปรี๊ด แต่ทว่าหลายๆ องค์กรก็ยังเลือกที่จะไม่รับเธอเข้าไปทำงาน แต่ที่ ฮันบาดา เธอกลับได้รับโอกาสนี้จากการที่พ่อของเธอรู้จักกับเจ้าของ

ซึ่งในเรื่องก็ทำให้เราเห็นว่า การทำงานของคนที่เป็นออทิสติกในอาชีพทนาย ก็นับว่าเป็นอุปสรรคอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ยากจนทำไม่ได้ เพราะหลายๆ เคสก็ได้ความอัจฉริยะของตัวเอกนี่แหละที่เข้ามาช่วยหาช่องในการที่จะชนะคดีมาได้ตลอด นอกจากนี้เธอเองก็ยังมีความรัก ความชอบ และกลายมาเป็นคนที่ถูกรักที่ต้องการการยอมรับไม่ต่างจากคนทั่วไป 

3. อีกบทบาทที่ดีที่สุด ของ Park Eun-Bin

สำหรับคอซีรีส์เกาหลีอยู่แล้ว ก็น่าจะเคยเห็นการแสดงของ Park Eun-Bin กันมาบ้าง ทั้งจาก Hello, My Twenties มาจนถึง The King’s Affection ที่น่าจะมีชาวไทยดูผลงานเรื่องนี้เยอะอยู่พอสมควร ซึ่งเธอเองก็มักได้ฉายาถึงการเป็นกิ้งก่าในการแสดงอยู่แล้ว ที่ไม่ว่าจะโยนบทอะไรลงไป ก็จะสวมวิญญาณบทเหล่านั้นได้อย่างน่าเชื่อ และพลิกบทบาทไปเป็นคนละคนเลย

โดยในเรื่อง Extraordinary Attorney Woo เธอก็รับบททนายออทิสติกได้อย่างน่าประทับใจมาก เพราะท่าทางหรือการพูดการจาก็ดูแบบสวมวิญญาณตัวละคร อูยอนอู แบบเต็มร้อยเปอร์เซ็น อีกทั้งความน่ารักของเธอเอง ก็ทำให้เราเชียร์ตัวละครนี้กันแบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งมุมมองการทำงาน และความรักของเธอ ก็อินเสียจนอยากให้ผ่านฉลุยในทุกๆ ด้านเลย

4. คดีแต่ละตอนที่ต่างกันไป และให้ข้อคิดไปคนละแบบ

ความสนุกของเรื่องราวอีกอย่างคือการที่แต่ละตอนมีคดีที่แทบไม่ซ้ำเลย ซึ่งแนวทางของแต่ละคดีก็จะมีธีมที่ต่างกันออกไป ทั้งในคดีในรูปแบบแพ่ง และคดีอาญา ที่สร้างความหลากหลายให้กับเรื่องราวได้มาก ซึ่งในแต่ละตอนก็มักจะมีมุมที่สะท้อนสังคม หรือวิถีชีวิตผู้คนได้อย่างน่าสนใจ เช่น ในตอนที่สะท้อนสภาพการศึกษาและการแข่งขันที่น่ากลัวของเกาหลี ของเด็กตัวน้อยๆ ที่ต้องเรียนพิเศษกันตั้งแต่เล็กๆ จนไม่มีเวลาไปเล่น หรือแม้แต่เวลากินด้วยซ้ำ ก็น่าจะทำให้พ่อ แม่ชาวเกาหลีที่ดูน่าจะสะอึกกันไม่น้อย

หรือในบางตอนเองก็เชื่อมโยงกับเรื่องราวหลักที่มีอยู่ในตอนนั้น เช่น ในตอนที่ อูยอนอู กำลังมีความรักนั้นก็ได้เจอกับคดีจำเลยกลายเป็นผู้ต้องหาในการข่มขืนผู้พิการ จนเธอต้องมาย้อนตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าคนที่มีสภาวะแบบเธอจะไม่สามารถมีความรักได้จริงๆ หรอ ซึ่งปมประเด็นเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนเรื่องราวและชวนขบคิดให้แต่ละตอนไม่จบแล้วจบเลย แต่ยังชวนให้มาคิดต่ออีกด้วย

5. Feel Good เติมเต็มหัวใจ ในวันที่เหนื่อยล้า

จะมีอะไรดีได้เท่ากับการในวันที่เหนื่อยๆ ได้มาดูอะไรที่ฟีลกู้ด ฮีลใจกับซีรีส์ดีๆ สักเรื่อง ซึ่ง Extraordinary Attorney Woo ก็ตอบโจทย์นั้นได้ดีจริงๆ เพราะถึงแม้ว่าเรื่องราวจะว่าด้วยเรื่องกฏหมายที่ชวนปวดหัว และการว่าความที่ดูตึงเครียด แต่โทนของเรื่องราวก็ออกไปในทางที่ทำให้เรายิ้มได้แทบจะตลอดทั้งเรื่อง ส่วนนึงก็เป็นเพราะคาแรคเตอร์ของ อูยอนอู ที่เป็นคนมองโลกในแง่ดี และมุมที่ทำอะไรน่ารักๆ ให้ชวนยิ้มได้ตลอด

ในส่วนมุขตลกในเรื่องก็ทำออกมาได้เฉียบมากๆ โดยที่ไม่ต้องมีการบูลลี่ การเป็นตลกแบบเจ็บตัว แต่เป็นมุขที่ผ่านการคิดมาแล้วเป็นอย่างดี และเอาสถานการณ์มาเล่นได้ถูกจังหวะ จนทำให้ยิงเข้าเป้าได้ตลอดทั้งเรื่อง พอประกอบกับพลังบวก และแนวคิดดีๆ ของเรื่องแล้ว มันก็เลยฮีลใจ และดีต่อใจในวันที่เหนื่อยล้า และอยากพักผ่อนไปกับซีรีส์สักเรื่องได้มากเลยจริงๆ