10 หนังดังที่เวลานี้อายุครบ 20 ปี
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเผลอแปปเดียว ก็เข้าเดือนใหม่แล้ว โลกเราเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากมายในแต่ละปี จนคนดูหนังบ้างคนจดจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องนี้ออกฉายปีไหนบ้างแม้ว่าบางเรืองจะเป็นหนังกระแสระดับทุนสร้างสูงใหญ่โต คนเรามักจะนึกถึงหน้าหนังจากดาราดังเล่น หรือไม่ก็เห็นโฆษณาโปรโมต เวลาผ่านไปเรื่อยๆจากเดิมที่ดูตัวอย่างหนังผ่านหน้าจอทีวี หรือเช็ครอบฉายหนังสือพิมพ์ฉบับท้ายๆในแต่ละวัน เราสามารถอัพเดตความเคลื่อนไหววงการหนังผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ทั้งที่เมื่อก่อนเวลาจะหาหนังดูดีๆสักเรื่องยากๆ
วันเวลาเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว ปี 2022 หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีหนังดังมากมายที่ผู้คนไปรอต่อแถวชมในโรง มาวันนั้นหนังทำเงินเหล่านั้น กลายเป็นหนังที่เก่าแก่ไปแล้ว เราเองยากย้อนรำลึกความหลังเลยหยิบยก 10 หนังดังที่เวลานี้อายุครบ 20 ปีที่แล้วมาย้อนวัยอีกครั้ง เรื่องที่เรานำมาเสนอเป็นหนังที่เราชอบมาก และอยากแบ่งปันเพื่อนๆ ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ลองมาดูกัน
1.Die Another Day
เจมส์ บอนด์ ถูกส่งตัวไปทำภารกิจที่เกาหลีเหนือ แต่แล้วภารกิจล้มเหลวเขาถูกเปิดเผยตัวต้นว่าเป็นใคร แม้จะรอดตายมาได้ แต่เขาโดนทหารเกาหลีเหนือทรมานอย่างหนัก แต่แล้วเขาก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา เขาโดนถอดรหัส 007 และโดนองค์กร MI6 ทอดทิ้ง ทำให้บอนด์ ต้องเดินหน้าหาตัวหนอนบ่อนไส้ที่หักหลังเขา และหลักฐานทุกอย่างก็โยงไปยัง กุสตาฟ เกรฟส์ ชายปริศนาที่คลั่งเพชร เลยทำให้เขาถูกดึงตัวกลับมายัง MI6 เพื่อทำการสืบหาหลักฐานว่าชายปริศนาคนนี้วางแผนชั่วร้ายอะไรอยู่เบื้องหลัง
นี่คือ 007 เวอร์ชั่นฉลองครบรอบ 40 ปี เจมส์ บอนด์ ที่ประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้ แต่คำวิจารณ์ล้มเหลวสิ้นเชิง อัดแน่นด้วยฉากแอ็คชั่นที่บ้าดีเดือด เซิร์ฟสินามิ ดาวเทียมเลเซอร์ วายร้ายเปลี่ยนพันธุกรรม แต่พระเอกอย่างเพียร์ซ บรอสแน่น รู้สึกว่าหนังมันหลุดกรอบไปแล้ว และนี่คือบอนด์ที่ทำให้ผู้สร้างต้องยกเครื่องครั้งสำคัญเปลี่ยนพระเอกใหม่หนุ่มสดกว่า ทำหนังให้สอดคล้องกับหนังสายลับยุคใหม่ในเวลาต่อมา
2.The Bourne Identity
ชาวประมงได้พบกับชายปริศนาลอยอยู่กลางทะเล และได้ทำการช่วยเหลือเอาไว้ เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็พบว่าจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เลย แถมยังมีบาดแผลจากการถูกยิงเข้าที่หลังด้วย จนทำให้เมื่อขึ้นถึงฝั่ง เขาจึงเริ่มออกตามหาความจริงที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ แต่เมื่อยิ่งค้นหาก็ยิ่งประหลาดใจ เมื่อเขาเองนั้นกลับมีสกิลที่หลากหลาย ทั้งการพูดภาษาต่างประเทศได้หลายภาษา และความสามารถในการต่อสู้สุดโหด เมื่อยิ่งถลำลึกลงไปเท่าไร เขาก็ยิ่งพบกับอันตรายในชีวิตจากบรรดานักฆ่าที่ถูกส่งมามากเท่านั้น
สำหรับ The Bourne Identity นั้นจะเหมาะกับคอหนังแอคชั่นสายลับอยู่แล้ว หรือกับคนที่เป็นแฟนตัวนิยายต้นฉบับมาก่อนก็น่าจะชอบในเวอร์ชั่นหนังนี้เช่นกัน เพราะด้วยความสนุกแบบหนังสายลับที่ไม่ได้เห็นมานาน ด้วยเนื้อเรื่องตามฉบับหนังจารชน ที่อาศัยการชิงไหวชิงพริบ และทักษะการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดก็ทำออกมาได้ดีเหลือเกิน จนไม่แปลกใจนักหากคอหนังสายลับในยุคหลังๆ จะเก็บ The Bourne Identity เอาไว้ในดวงใจมาโดยเสมอ ก็ถ้าหากใครชอบหนังสายลับโทนจริงจัง แบบ Bond ในยุค Daniel Craig แล้ว จะชอบหนังตระกูลนี้ไม่ยากเลย
3.The Ring
ราเชล เคลเลอร์ นักข่าวที่ได้มาร่วมงานศพของญาติวัยรุ่นคนหนึ่ง จนได้ข่าวลือแปลกๆ ถึงการเสียชีวิตของเธอนั้น มาจากการดูวิดีโอเทปต้องคำสาปม้วนหนึ่ง ที่ใครก็ตามที่ได้ดูนั้น จะต้องตายอย่างสยองภายใน 7 วัน เธอจึงลองออกสืบสวนหาข้อมูลจนกระทั่งไปพบกับเจ้าม้วนวิดีโอต้นเหตุนั้น และได้ดูมัน หลังจากนั้นเรื่องสยองต่างๆ ก็ได้เกิดขึ้นรอบตัว จนทำให้เธอเชื่อในสิ่งนี้ เลยต้องไปขอความช่วยเหลือจาก โนอาห์ คนรักเก่า ให้ช่วยกันสืบหาวิธีเพื่อแก้อาถรรพ์นี้ให้ได้ ก่อนที่จะสายเกินไป
สำหรับ The Ring นั้น เป็นหนังที่เหมาะกับคอหนังสยองขวัญมากๆ แม้ว่าคอนิยายชุดนี้จะรู้สึกว่ามันทำได้ไม่ถึงขั้นนั้นก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับก่อนว่าตัวนิยายมันขึ้นหิ้งไปแล้ว และความสยองในนิยายก็ต่างกัน จนยากที่จะให้สื่ออื่นมาเลียนแบบ บรรยากาศความสยองของตัวซาดาโกะที่ผ่านออกมาในตัวหนังสือในเรื่องราวมันก็เป็นความเฉพาตัวอย่างมาก แต่ถึงอย่างไร ฉบับนี้ก็ถือว่ามีการดัดแปลงออกมาได้ดี ทั้งพาร์ทสืบสวนและความสยอง หากใครชอบหนังสไตล์คำสาป J-Horror ที่ Hollywood เคยเอาไปดัดแปลง แบบ The Grudge หรือ Dark Water แล้ว ควรดูตำนาน The Ring สักครั้ง
4.Spider Man
ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เด็กมัธยมปลายสุดเนิร์ด ที่ได้ไปเข้าร่วมทัศนศึกษา และถูกแมงมุมดัดแปลงกัดเข้า จนทำให้เขาได้รับความสามารถเหนือมนุษย์ และพลังจากแมงมุมเข้ามาในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยใยออกมาจากตัว การไต่ โหน โจนทะยาน รวมถึงสัญชาตญาณในการป้องกันตัวด้วย ในช่วงที่พลังมานั้น เขากลับเอาไปใช้ตามใจตัวเอง จนกระทั่งการตายของคนในครอบครัว ก็ทำให้เขาฉุกคิด และเลือกใช้พลังนี้ในการปกป้องผู้คน และปราบเหล่าร้ายในเมือง New York
สำหรับ Spider-Man นั้น ก็แน่นอนว่าจะต้องเหมาะกับคอหนังซุปเปอร์ฮีโร่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ารสชาติของหนังมันอาจจะไม่ได้คุ้นปากเหมือนที่ค่าย Marvel เป็นในทุกวันนี้ ซึ่งด้วยฝีมือการกำกับของ Sam Raimi เลยได้ Spider-Man ในเวอร์ชั่นที่มีสีสันจัดจ้านมากๆ พร้อมกับเนื้อเรื่องที่โฟกัสแค่ตัว Spider-Man ตัวเดียว ไม่ต้องคาดหวังจะต้องไปจับมือหรือร่วมกับฮีโร่ตัวอื่นๆ ในแบบทุกวันนี้ ก็ทำให้เราสามารถรู้จักกับตัวละครนี้ได้แบบเต็มที่ และสามารถสนุกไปกับมันได้มากๆ เหมือนกับหนังฮีโร่ที่ทำดีไม่แพ้กันในยุคนั้นอย่างตระกูล X-Men ได้เลย
5.The Pianist
วลาดิซสลาฟ สปิลมัน นักเปียโนชาวโปแลนด์ เชื้อสายยิว ที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งมีบ้านและครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่เมื่อโลกเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ชีวิตของเขากลับต้องพลิกผันเป็นอย่างมาก เพราะทหารเยอรมัน หรือกลุ่มนาซี ได้บุกเข้ายึดประเทศโปแลนด์ และทำการกดขี่ชาวยิวจากพฤติกรรมต่างๆ อันโหดเหี้ยมอำมหิตที่ต้องจารึกเอาไว้บนหน้าประวัติศาสตร์
สำหรับ The Pianist เหมาะกับคนที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์ และเรียนรู้ความโหดร้ายจากสงครามแล้ว หนังเรื่องนี้คือตำราชั้นดี ที่พาคนดูให้ได้เห็นถึงภาพความรุนแรง ที่ชวนหดหู่ สิ้นหวัง จนพาเอาจิตตกไปกันได้ง่าย ซึ่งถ้าใครที่ไม่อยากมาดำดิ่งกับความรู้สึกเหล่านี้ ก็แนะนำให้ข้ามหนังเรื่องนี้ไปกันได้เลย เพราะหนังถ่ายทอดออกมาได้สมจริง และน่าเศร้าเป็นอย่างมาก แต่สำหรับคนที่ใจแข็งพร้อมลุย และผ่านหนังผลพวงจากสงครามอันโหดร้ายอย่าง Schindler’s List, The Boy in the Striped Pajamas มาก่อนหน้านี้แล้ว The Pianist ก็คือการยกระดับความหดหู่ไปอีกขั้นกว่า 2 เรื่องที่แนะนำกัน
6.Catch Me If You Can
แฟรงก์ อบาเนล เด็กหนุ่มที่บ้านแตกพ่อ แม่ แยกทางกัน จนเกิดความสับสนจนพยายามทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม ด้วยการหนีออกจากบ้าน ซึ่งด้วยอายุที่ยังน้อย ทำให้เขาพยายามดิ้นรนหาเงินด้วยตัวเอง ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะถูกกฏหมายหรือไม่ก็ตาม ทำให้การต้มตุ๋นจึงกลายเป็นทักษะชั้นเยี่ยมของเขา ซึ่งเขาเองก็ได้ผ่านประสบการณ์เคยเป็นทั้ง นักบิน แพทย์ ทนายความ รวมถึงอาจารย์ในมหาวิทยาลัย โดยที่ไม่เคยเรียนจบในสายเหล่านี้มาก่อน ด้วยการต้มตุ๋นที่หนักข้อขึ้น ทาง FBI จึงต้องส่ง คาร์ล แฮนรัทตี้ เข้ามาตามล่า และเอาตัวเขาเข้าคุกให้ได้
สำหรับ Catch Me if You Can นั้น จะเหมาะกับคอหนังที่ชอบหนังสายต้มตุ๋น หลอกลวง ชิงไหวชิงพริบ พลิกผันไปมาอยู่มาก ด้วยเรื่องราวที่สร้างมาจากเรื่องจริงอยู่แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวหนังเข้าไปใหญ่ และเมื่อมาอยู่ในมือของผู้กำกับที่มีพรสวรรค์ในการเล่าเรื่องอย่าง Steven Spielberg ก็เป็นเครื่องการันตีชั้นดี ว่าหนังน่าจะออกมาสนุกได้อยู่แล้ว ด้วยเวลากว่า 2 ชั่วโมงครึ่งของหนังก็เลยกลายเป็นความบันเทิงที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และดูสนุกได้ตลอดทั้งเรื่องเลยจริงๆ ใครที่ชอบแนวๆ ต้มๆ ตุ๋นๆ แบบนี้ อย่าง The Wolf of Wall Street, Focus อะไรแบบนี้แล้ว ถูกใจกันแน่ๆ
7.Panic Room
เม็ก และซาร่าห์ สองแม่ลูก ที่เพิ่งย้ายเข้ามาในอพาร์ตเมนท์แห่งใหม่ ในคืนแรกที่พวกเธอเข้ามาอยู่นั่น ก็ดันได้พบกับแก๊งโจร 3 คน ที่ตั้งใจที่จะมาขโมยเงินที่ซ่อนเอาไว้อยู่ในบ้านหลังนี้ แต่แล้วก็ผิดแผน เพราะพวกเขาคาดว่าจะมาในวันที่ไม่มีคนอยู่ แต่กลับต้องเจอกับ 2 แม่ลูกเสียก่อน ซึ่งทั้งคู่ได้ค้นพบว่าในที่อยู่แห่งนี้นั้น มีห้องนิรภัยซ่อนอยู่ และถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องของที่อยู่ข้างในเป็นอย่างดี เลยตัดสินใจหนีพวกโจรเข้าไปอยู่ในนั้น ท่ามกลางโรคกลัวที่แคบของเม็ก และอาการเบาหวานของซาร่าห์ที่ค่อยๆ กำเริบขึ้น
สำหรับ Panic Room นั้น เหมาะกับคอหนังสายลุ้นระทึก บนพล็อตเรื่องเกรดบีที่ดูดีมีระดับขึ้นมาจากการกำกับของ David Fincher ที่ทำให้การไล่ล่า และชั้นเชิงของทีมแม่ลูก และทีมโจรนั้น ดูมีความสนุก ลุ้นไปกับตัวหนังได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าหนังจะมีพล็อตเดิมๆ ก็ตาม แต่มุขใหม่ๆ ที่เอามาใช้ในหนังนั้น ก็ประจวบเหมาะกับสถานการณ์ได้อย่างพอดิบดี จังหวะการเล่าเรื่องก็ดูแรงดีไม่มีตก ทำให้ใครชอบหนังสายลุ้นๆ ในพื้นที่ปิดแบบ Don’t Breathe, Phonebooth, Red Eye อะไรแบบนี้แล้ว อยากให้เก็บเรื่องนี้ไว้ในลิสท์ด้วย
8.28 Days Later
ความพินาศเกิดจากกลุ่มต่อสู้เพื่อสิทธิสัตว์ได้เข้าไปยังสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง และปล่อยลิงชิมแปนซีติดเชื้อออกมาสู่ภายนอก จนทำให้ทั้งโลกถูกปกคลุมด้วยเชื้อการระบาดทำให้คนบ้าคลั่งเป็นซอมบี้ หลังจากนั้น 28 วัน ในกรุงลอนดอน จิม ชายหนุ่มที่เพิ่งตื่นขึ้นในห้องไอซียู ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อผู้คนทั้งเมืองนั้นต่างหายไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงซากศพเต็มไปหมด และศพเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะตื่นขึ้นมาไล่ล่าเอาชีวิตของเขา ทางรอดทางเดียวก็คือการเดินทางฝ่าฝูงซอมบี้เพื่อไปสมทบกับกองกำลังที่ประกาศช่วยเหลือผู้รอดชีวิตอยู่
สำหรับ 28 Days Later นั้น แน่นอนว่าเหมาะกับคอหนังสยองขวัญสไตล์ซอมบี้เป็นแน่แท้ แถมเรื่องนี้เป็นการปรับภาพลักษณ์ซอมบี้เสียใหม่ จากที่เดินอย่างเชื่องช้า ไปสู่การวิ่งแบบ 4×100 ที่ช่วยเพิ่มความดุดันของพวกมัน และกระตุ้นความลุ้นระทึกของคนดูให้หายใจไม่ทั่วท้องกันด้วย ซึ่งใครไม่ชอบหนังสไตล์เครียดๆ สะท้อนสันดานมนุษย์สามารถข้ามได้ เพราะเรื่องนี้มีครบ แต่ถ้าชอบหนังซอมบี้สายสับแบบ Dawn of the Dead หรือ World War Z แล้วล่ะก็ สามารถดูจุดกำเนิดสายสับกันได้ที่เรื่องนี้เลย
9.Minority Report
จอห์น แอนเดอร์ตัน หัวหน้าชุดหน่วยสกัดอาชญากรรมด้วยเทคโนโลยีแบบล้ำอนาคตที่มีชื่อว่า Precrime ที่ใช้ผู้หยั่งรู้มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์อาชญากรรมที่กำลังจะเกิดได้ล่วงหน้า นั่นเลยทำให้หน่วยงานนั้นสามารถตามจับคนร้ายได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่เหตุการณ์จริงๆ จะเกิดขึ้น ซึ่ง จอห์น เองในฐานะที่เสียลูกชายไป จึงมีความเชื่อในระบบนี้เป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่ง Precrime กลับแสดงผลว่า จอห์น เองกำลังจะเป็นฆาตกรที่ทำการฆาตกรรมชายปริศนาคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก จนทำให้เขาต้องหนีการไล่ล่าจากหน่วยตัวเอง ไปพร้อมกับการตามหาชายปริศนาคนนั้น เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
สำหรับ Minority Report เป็นอีกหนังที่เหมาะกับคนที่ชอบอะไรล้ำๆ มาก ตั้งแต่ตัวบทล้ำๆ เนื้อหาล้ำๆ อุปกรณ์ในเรื่องล้ำๆ ไปจนถึง CG ล้ำๆ ที่ปรากฏอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ทุกอย่างเลยดูน่าตื่นตาตื่นใจไปหมด แม้หนังจะมีจังหวะอืดๆ อยู่บ้างจากความยาวของหนังกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังเป็นหนังแอคชั่น ไซไฟ สุดระทึกชั้นดี ที่ก็อยากให้ได้ดูกันสักครั้ง แถมสิ่งที่ได้พ่วงไปก็คือคำถามเชิงศีลธรรม กับประเด็นของการจับคนที่กำลังจะทำผิดโดยที่ยังไม่ได้ทำด้วย ซึ่งใครชอบหนังล้ำๆ อนาคตแบบนี้ของ Tom Cruise อย่าง Edge of Tomorrow หรือ Oblivion แล้ว นี่คือการจับคู่กับพ่อมดแห่งวงการ Hollywood อีกเรื่อง ที่ไม่น่าพลาดจริง
10.xXx
แซนเดอร์ เคจ หนุ่มนักกีฬา Extreme มาดเท่ ที่โด่งดังในโลกออนไลน์ และเป็นที่ต้องการตัวของทางการ แต่เจ้าหน้าที่ กิบบอนส์ ก็ได้เห็นทักษะความสามารถในด้านกีฬาของเขา จึงพยายามดึงตัวให้เข้ามาช่วยงานในหน่วย โดยการให้เขาต้องแทรกซึมเข้าไปในหน่วยก่อการร้ายกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังมีแผนการที่เลวร้ายบางอย่าง จนกระทั่งเขาได้พบกับเยเลน่า สาวมาดดุที่อยู่ในกลุ่มนั้น และพบว่าเธอก็เป็นสายลับอีกคน ที่เข้ามาทำงานเสี่ยงตายนี้เหมือนกัน
สำหรับ xXx นั้น เหมาะกับคอหนังแอคชั่นประเภทที่ดูเอามันส์ เน้นตัวละครเท่ๆ (จนบางทีก็แอบหมั่นไส้ 555+) กับพล็อตเรื่องที่ฉีกหน่อยๆ อย่างการเอากุ๊ยตัวแสบมาแฝงตัวและต่อสู้กับเหล่าร้ายให้มันแบบสมน้ำสมเนื้อ ซึ่งหากใครจะมองหาสาระหรือพาร์ทดราม่าต่างๆ ก็คงไม่มีให้ในหนังเรื่องนี้ เพราะมันเต็มไปด้วยฉากแอคชั่นยิงถล่มกัน ผ่านอุปกรณ์กีฬา Extreme ต่างๆ ซึ่งใครที่ชอบหนังแอคชั่นแบบตัวเอกเป็น Antihero เท่ๆ แบบนี้ แบบ The Fast and the Furious หรือ Pitch Black ของ Vin Diesel แล้ว ก็ควรจัดหนังชุดนี้ของเขาไปให้ครบๆ เซตตามไปด้วย