Joy (2015)
จอย เธอสู้เพื่อฝัน
คะแนน
โกดังหนัง
ชีวประวัติของนักธุรกิจอีกคนที่เริ่มจากการเป็นปุถุชนคนธรรมดา แต่ทำออกมาได้หวือหวาน่าสนใจ สู่ต้นกำเนิดไม้ม็อบถูพื้นในครัวเรือน
คำคมจากภาพยนตร์
“No, I don’t need a prince, this is a special power, I don’t need a prince.”
“ไม่ ฉันไม่ได้ต้องการเจ้าชาย นี่แหละพลังพิเศษของฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องมีเจ้าชาย”
เรื่องย่อ
จอย หญิงสาวธรรมดาที่เติบโตมาด้วยครอบครัวที่มีปัญหา และไม่เคยเป็นที่เพิ่งให้กับเธอได้เลย เธอจึงเติบโตขึ้นมาด้วยความแข็งแกร่งและดูแลตัวเองได้เสมอ แม้กระทั่งชีวิตคู่ที่พังลงไป ก็ทำให้เธอต้องแบกรับภาระต่างๆ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อโชคชะตาก็เลวร้ายไม่หยุด เมื่อเธอต้องอยู่ในสภาวะว่างงานจนต้องหาทางรอด ด้วยการใช้จินตนาการและความสามารถที่มี เพื่อเข้าสู่เส้นทางธุรกิจอย่างการทำไม้ม็อบออกมาขาย
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Joy นั้น เหมาะกับคนที่กำลังมองหาหนังที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ หรือหาแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะเรื่องนี้จะเริ่มเล่าตั้งแต่วิธีคิด การหาไอเดีย การทำโปรโตไทป์ การหาช่องทางการขาย การโฆษณา อะไรต่างๆ นานาเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าแทบจะมีครบจบในเรื่องเดียว แถมตัวหนังก็ยังทำออกมาได้อย่างสนุกด้วยนะ ถ้าใครชอบหนังแนวๆ ธุรกิจที่มีตัวละครหญิงแกร่งมานำเรื่องกันดูบ้างอย่าง The Devil Wears Prada หรือ Erin Brockovich แล้ว ก็ขอให้จัดเรื่อง Joy ต่อกันได้เลย
- สายหนังแรงบันดาลใจทำธุรกิจ
- สายหนังดราม่าชีวประวัติ
- สายหนังดราม่าชิงรางวัล
รีวิว / สรุปเนื้อหา
แม้ว่าจะมีหนังในเชิงชีวประวัติเกี่ยวกับการต่อสู้ชีวิตเพื่อประสบความสำเร็จมากมาย แต่เรื่องนี้กลับทำออกมาได้อย่างมีสีสัน ตั้งแต่การปูเรื่องราวของตัวละครที่ชวนเห็นใจตั้งแต่ต้นอย่าง จอย ที่เราจะได้เห็นพื้นฐานทางบ้านของเธอตั้งแต่ต้นเลยว่ามันแย่ขนาดไหน ตั้งแต่แม่ที่วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากดูละครน้ำเน่า รวมถึงพ่อและสามีเก่าที่หย่ากันไปแล้ว มาอาศัยอยู่ร่วมกันในชั้นใต้ดินของบ้าน จนทำให้งานทุกอย่างในบ้าน รวมถึงการหาเงินก็แทบจะเป็นภาระของเธอแทบสิ้น นั่นจึงทำให้เธอต้องกลายเป็นคนที่แบกทุกอย่างในบ้านเอาไว้อย่างแท้จริง
การปูภาพในส่วนนี้เข้ามาตั้งแต่เริ่มก็ทำให้เราเห็นวิญญาณนักสู้ในตัวเธอชัดเจนขึ้นมาก ถึงแม้ว่าเราจะรู้จุดหมายปลายทางของเรื่องราวอยู่แล้วก็ตามว่าถึงอย่างไร เธอก็จะประสบความสำเร็จเป็นนักธุรกิจขายไม้ม็อบที่แสนโด่งดัง แต่หนังก็ยังทำให้เราอยากเชียร์ อยากเอาใจช่วยเธออยู่ได้ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งก็ต้องชื่นชมในการแสดงของดารามากความสามารถที่รับบทเกินวัยตัวเอง (ไปมาก) ออกมาได้ดี และสามารถแบกหนังเอาไว้ได้ทั้งเรื่องจากพลังการแสดงอันเหลือล้นของเธอ จนทำให้ดาราคนอื่นๆ อาจจะดูหมองไปในทันตา เมื่อต้องเข้าฉากมาด้วยกัน
นอกจากแง่ความบันเทิงแล้ว ในหนังเรื่องนี้เรายังจะได้เห็นถึงกระบวนการต่างๆ ในการทำธุรกิจนับตั้งแต่การหาไอเดียจากของใกล้ตัว ผ่านกระบวนการต่างๆ ทั้งผลิต ขาย ทำการตลาด และอื่นๆ กันแบบครบเครื่อง จนคนดูน่าจะเรียนรู้อะไรจากหนังได้อยู่ไม่น้อย รวมถึงด้วยพลังแห่งการเล่าเรื่องก็ยังคงเป็นการส่งต่อพลังใจ การสู้ชีวิต จากตัวละครมายังคนดูได้อีกด้วย ทำให้แม้ว่างานนี้อาจจะเป็นผลงานที่ดรอปๆ คุณภาพลงมาบ้างของผู้กำกับ David O. Russell แล้ว แต่โดยภาพรวมก็ยังนับว่าเป็นหนังที่สนุก และมีคุณค่าด้านธุรกิจที่น่าติดตาม
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ในเรื่องนี้ดาราสาวอย่าง Jennifer Lawrence ต้องสวมวิคอยู่ในฉากส่วนใหญ่ พอถึงฉากที่เธอต้องทำการตัดผมตัวทิ้ง เธอก็ดันตัดไปทั้งผมวิค และผมจริงๆ ออกไปพร้อมๆ ยังดีที่ซีนนี้จบลงด้วยการถ่ายแค่ 1 เทคเท่านั้น
- ตัวผู้กำกับ David O. Russell เลือกที่จะไม่ต้องพบเจอกับ Joy Mangano ตัวจริงในระหว่างถ่ายทำ เพราะอยากให้หนังออกมาในแบบของตัวเอง โดยเขาได้คุยกันผ่านโทรศัพท์เท่านั้น