A Taxi Driver (2017)
แท็กซี่เพื่อชีวิต
คะแนน
โกดังหนัง
เรื่องจริงอันน่าหดหู่ทหารทำร้ายประชาชนที่เห็นต่างทางการเมือง ตีแผ่ความเลวร้ายผ่านมุมมองคนแปลกหน้าที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
หมวดหมู่ : | Drama |
สัญชาติ : | South Korean |
กำกับโดย : | Hun Jang |
ความยาว : | 2 ชั่วโมง 17 นาที |
นักแสดงนำ : | Song Kang-ho, Thomas Kretschmann, Ryu Jun-yeol |
คำคมจากภาพยนตร์
“นักศึกษา เอ็งว่าประเทศอื่นดีกว่าประเทศเราหรอ? ประเทศจะดีได้ยังไงในเมื่อทหารยังทำร้ายประชาชนอยู่”
เรื่องย่อ
คิมมันซอบ คนขับรถแท็กซี่ เขาอยู่กับลูกสาวเพียงแค่2คน เขาต้องการหาเงินเป็นจำนวนมากเพื่อไว้สำหรับค่าเลี้ยงดูและค่าเช่าบ้าน กระทั่งวันหนึ่งได้รับการว่าจ้างจากชาวต่างชาติในราคาที่สูง เพื่อพาไปยังกวางจู พื้นที่อันตราย โดยที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่นั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ A Taxi Driver เป็นหนังที่เหมาะกับคนที่ชอบเรื่องราวสังคมประวัติศาสตร์เกาหลัี หรือที่ชอบงานที่เล่าความจริง และเป็นอีกครั้งที่นักสร้างหนังเกาหลี พยายามหยิบยกประวัติศาสตร์ตีความบทเรียนไว้เป็นอุทาหรณ์เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ได้เข้าใจ นี่คือหนังที่หน้าปกดูเหมือนไม่น่าดูผู้ชายเสื้อเหลืองขับแท็กซี่ แต่เนื้อหาข้างในกลับเต็มไปด้วยพล็อตเรื่องที่น่าหดหู่ กว่าที่สังคมเกาหลีใต้ที่แข็งแกร่งได้แบบทุกวันนี้ผ่านความเจ็บปวด ผู้คนโดนกดขี่โดนบดขยี้แบบไม่มีชิ้นดี นี่คือหนังที่เล่าเรื่องได้คุณภาพ ความเลวร้ายระบบเผด็จการที่ทำร้ายผู้คนในกวางจู กลายเป็นหนังที่คมคายในทุกอย่างมีความเป็นมนุษย์ไม่แปลกใจที่ผู้ชมแดนโสมแห่กันไปดูหนังเรื่องนี้เต็มโรงในช่วงปี 2017
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หนังเล่าเรื่องผ่านมุมมองของโชเฟอร์แท็กซี่คนหนึ่งที่ดิ้นรนเพื่อจะมีชีวิตรอดในสภาพสังคมที่ยากลำบากมีลูกสาวตัวน้อย เขาคือคนที่อยู่ไปวันๆไม่คิดอะไรขอแค่มีเงินไปดูแลลูก กับการเช่าหอพักก็เพียงพอแล้ว แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวสวมรอยเป็นแท็กซี่คนอื่น หวังค่าจ้างจากคนต่างชาติมหาศาลเลยทำ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการเผยแพร่ภาพประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ประท้วงของนักศึกษาที่กวางจูเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยสู้กับระบอบเผด็จการที่ทหารทำร้ายประชาชนหวังใช้กำลังสลายการชุมนุมปิดทางออกเมืองไว้หมด แถมรัฐบาลปิดข่าวเงียบสนิท แถมปล่อยข่าวว่าคนธรรมดาไปทำร้ายทหรา ในช่วงแรกเรารู้สึกแท็กซี่อย่างคิมมันชอบ หิวเงินเพราะสภาพสังคมที่ไม่เอื้ออำนวย แต่พอไปเรื่อยๆ เราพบว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายอะไร และเขาก็ได้พบความจริงว่าชายเยอรมันคนนี้คือนักข่าวที่ปลอมตัวเข้าเกาหลีเพื่อมาถ่ายภาพเหตุการณ์สำคัญในครั้งนั้น ตัวละครหลัก 2 คนแตกต่างกันในเรื่องมุมมองวัฒนธรรม โดยเฉพาะภาษา แต่แวดล้อมบังคับให้พวกเขาได้เห็นความโหดร้ายของคนธรรมดาที่โดนทำร้ายอย่างป่าเถื่อน พวกเขาทั้งคู่เป็นเพียงคนนอกเท่านั้นจึงเริ่มเห็นอกเห็นใจขึ้นทันที ค่อนข้างชอบหนังที่เล่าในมุมมองนี้ทำให้เห็นภาพในวงกว้างที่แตกต่างจากคอนเทนต์เกาหลีซึ่งมันดูสมจริงกึ่งๆสารคดี
หนังอาจโดนวิจารณ์ว่าไม่สมจริง แต่เมื่อบทเล่าเรื่องผ่านสายตาคนนอก เพราะโชเฟอร์แท็กซี่คือคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องสถานการณ์การเมืองในบ้านตัวเอง ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนทั้งที่ชีวิตที่ยากลำบากเกิดขึ้นเพราะสภาพสังคมระบบทหารเขาชินชายอมจะใช้ชีวิตไปแบบอยู่ไปวันๆ ยิ่งพอมีฉากหนึ่งเขายิงคำถามถามนักศึกษามันทำให้รู้เลยเขาไม่สนใจความเป็นความตายของเพื่อนมนุษย์ที่รออยู่ตรงหน้า ส่วนการมาของคนต่างชาติชัดเจนว่าเขาต้องการทำข่าวสื่อสารออกไปเพื่อให้เห็นถึงความโหดร้ายของสังคมเกาหลีที่ใช้ความรุนแรงทำร้ายผู้คนแบบไม่มีทางสู้ หนังจัดวางเรื่องราวได้น่าสนใจ จากหนังเปิดเรื่องแบบธรรมดาแต่พอเล่าเรื่องไปเรื่อยๆคนดูพบว่า มันมีเนื้อหาที่ดีเกินคาด สังคมเกาหลีมีช่องโหว่ทางสังคมคนโดนกดขี่ข่มเหงโดนริดรอนเสรีภาพ และภาพของตัวละครโชเฟอร์แท็กซี่จึงค่อยๆเปลี่ยนไปทันที ซึ่งที่โดดเด่นก็คือการถ่ายทอดภาพเหตุการณ์ในหนังที่เหมือนกับของจริง การจำลองออกมาได้โหดเหี้ยม โลเคชั่นเมือง ได้อารมณ์เหมือนในปี 1980 ไม่แปลกใจที่คนเกาหลีจะอินกับหนังเรื่องนี้มากๆตอนที่เข้าฉายโรง
การแสดงของ Song Kan Ho คือหัวใจหลักของเรื่อง งานแสดงของเขาเน้นบทดราม่าหลักหน่วง มันทำให้เขากลายเป็นนักแสดงเกาหลีแถวหน้าที่ผู้กำกับมากมายอยากชักชวนเข้ามาขึ้นจอ ค่อนข้างจะชอบพัฒนาการของตัวละครนี้จากคนเห็นแก่ตัวแวดล้อมค่อยๆเปลี่ยนไปตลอดทั้งเรื่อง Thomas Kretschmann นักแสดงจากเยอรมัน นักข่าวผู้ต้องการนำภาพความจริงปรากฏสายตาคนทั่วโลกให้เห็นถึงความโหดร้ายระบบเผด็จการทหาร, นักศึกษาหนุ่ม Ryu Jun-yeol ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ยอมแพ้ตกเป็นเครื่องมือของทหารต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ระหว่างทางทำให้ได้เข้าใจมุมมองของคนที่ต้องการเห็นสังคมเกาหลีดีขึ้น
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ผู้กำกับ Hun Jang ต้องพูดภาษาอังกฤษกับ Thomas Kretschmann ในกองถ่าย
- นี่คือหนังทำเงินอันดับ 2 ในเกาหลีใต้ที่ฉายโรงเมื่อปี 2017