Elvis (2022)
เอลวิส
คะแนน
โกดังหนัง
เล่าเรื่องราชา Rock & Roll ในแง่มุมที่คนทั่วไปไม่เคยเห็น ตีแผ่ชีวิตทุกแง่มุม สุขเศร้าพังล้มเหลว บรรเลงออกมาได้น่าทึ่ง หนังเข้าถึงแก่นตัวต้น Elvis มันสะกดคนดูได้อยู่หมัด บท นักแสดง คอสตูม โปรดักชั่นร้องว้าวไปเลย
คำคมจากภาพยนตร์
"ถ้าไม่มีฉัน ก็คงไม่มีใครรู้จัก เอลวิส เพรสลี่ย์"
"Without me, there would be no Elvis Presley."
เรื่องย่อ
ภาพยนตร์จะพาไปสำรวจชีวิตและดนตรีของ เอลวิส เพรสลีย์ ผ่านมิติความสัมพันธ์แสนซับซ้อนกับผู้จัดการนิสัยลึกลับ ผู้พันทอม ปาร์คเกอร์ เรื่องราวจะเจาะลึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง เพรสลีย์ และปาร์คเกอร์ ตลอดเวลา 20 ปี ตั้งแต่ เพรสลีย์ เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังไปจนถึงตอนที่มีแฟนคลับล้นหลามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่ามกลางพื้นเพเบื้องหลังของวัฒนธรรมที่กำลังพัฒนาและการสูญเสียความไร้เดียงสาในอเมริกา ในขณะเดียวกันก็มีอีกหนึ่งบุคคลสำคัญและมีอิทธิพลต่อชีวิตของ เอลวิส อย่างมาก นั่นก็คือ พริสซิลลา เพรสลีย์
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Elvis คือหนังกึ่งชีวประวัติแนวดนตรีที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง การหยิบเรื่องราวของร็อคสตาร์ราชันร็อคแอนด์โรลล์ตัวจริง ชายผู้ปฏิวัติวงการเพลงด้วยลีลาการร้องเพลงเล่นกีตาร์ ที่ใส่ลีลาท่าทางโยกเอาใจสาวๆ มาเล่าในหลากหลายแง่มุมกว่าจะเป็นร็อคสตาร์ไม่ได้ง่ายเลยกว่าจะได้รับการยอมรับ และวิธีการทำเพลงพิสูจน์ให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ที่เข้าขั้นมหัศจรรย์ หนังเรื่องนี้กลมกล่อม อาจจะไม่ได้เจาะลึกโฟกัสแง่มุมเชิงลึกมากนัก แต่ภาพรวมของหนังก็เพลิดเพลินมากทีเดียว มันเป็นการผสมผสานโปรดักชั่นที่อลังการแบบสไตล์ Musical กับหนังชีวประวัติได้ลงตัว
- สายหนังชีวประวัติ
- สายหนังที่ชอบการฟังเพลง
- สายหนังที่ชอบ Elvis Presley
รีวิว / สรุปเนื้อหา
เสียงปรบมือ 12 นาทีจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆแน่นอน ถ้าหากหนังเรื่องนี้ไม่มีคุณภาพ หนังผ่านไปสำรวจชีวิตของราชา Rock and Roll ที่ไม่ได้เล่าเรื่องเหมือนหนังชีวประวัติทั่วไป แต่เล่าผ่านมุมมองของผู้จัดการส่วนตัว Tom Parker หนังเปรียบเสมือนการเข้าไปสำรวจตัวตน Elvis มากกว่า ไม่ได้เล่ามุมมองที่สว่างเพียงอย่างเดียว แต่ยังพูดถึงชีวิตที่หัดเดิน การเติบโตที่เผชิญหน้ากับปัญหาอุปสรรคมากมาย Elvis มีใบหน้าที่หล่อเหลา มีการแสดงสดที่มัดใจผู้ชมผู้หญิง ท่าเต้นที่ยั่วผู้ชม แต่ในเวลาเดียวกันหนังก็พูดถึงการรับมือของเขาเวลาที่เจอกระแสต่อต้าน ไม่มีคนดังที่ไม่เคยโดนคำติเตียนคำวิจารณ์ แต่ยุคสมัย Elvis รุ่งเรือง คำวิจารณ์มันน่ากลัวกว่าโซเชียลสมัยนี้ซะอีก ประกอบกับการที่เขาโด่งดังในการทำเพลงในยุค 50 สังคมอเมริกันชนก็ไม่ได้เปิดกว้างเสียด้วย ยิ่งเขาโด่งดังเป็นพลุแตกมีชีวิตความเป็นอยู่ที้ดีแต่ก็ไม่มีคนปลื้ม
Elvis ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ในนักดนตรีผู้มาปฏิวัติวงการเพลงก็ว่าได้ในยุคนั้น เขาคือศิลปินที่นำแนวเพลงแบบคันทรีมาผสมผสานกับแนวดนตรีบลูส์ของคนผิวดำ มันเป็นเรื่องที่หาญกล้ามากที่เขาคิดออกมาแบบนี้ เพราะยุคสมัยก่อนคนผิวดำและผิวขาวแยกกันอยู่ เหยียดกันแบ่งชนชั้นกันดีๆนี่เอง มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่แนวเพลงที่ Elvis คิดค้นมันกลายเป็นเทรนด์ในช่วงต่อมา พล็อตเรื่องเน้นการสำรวจทุกแง่มุมของ Elvis มากกว่า ต่อให้คุณไม่เคยฟังงานของราชา Rock & Roll คนนี้คุณก็ดูแล้วเข้าใจได้ไม่ยาก การเล่าเรื่องเรียบเรียงเนื้อหาทำได้ละเมียดละไมมาก หนังเน้นโปรดักชั่นที่มีคุณภาพ การเซ็ตติ้งฉากทุกอย่างให้ Feel เหมือนพาคนดูไปอยู่ในยุค 50-60 จริงๆ โมเมนตัมทุกอย่างน่าจดจำหมด ไม่น่าเชื่อว่าหนังถ่ายทำที่ Sydney ในออสเตรเลีย แต่ให้บรรยากาศเหมือนอเมริกายุคก่อนมาก Baz Luhmann ผู้กำกับสมควรได้เครดิตไปเต็มๆ เขาทำให้องค์ประกอบกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งจัดจ้านมาก ได้สัมผัสชีวิต Elvis ที่พบเจอความยากลำบากความทุกข์ความสุข ชีวิตที่ตกต่ำแบบที่ไม่เคยได้เจอมาก่อน
มาพูดถึงการแสดของ Austin Butler ชายหนุ่มผู้คว้าบท Elvis นี่คือตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้ชื่อเสียงไม่ได้โด่งดัง แต่พลังการแสดงของเขาคุณภาพมาก เพราะการร้องเพลงเล่นกีตาร์ ทำคาแรกเตอร์ให้เหมือนราชา Rock & Roll ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แต่พอได้ปล่อยของบอกเลยว่าเขาอนาคตไกลแน่ๆ อินเนอร์ สีหน้า แววตา ท่าทาง กินขาดเลย สำเนียงท่าทาง การแต่งกาย ทรงผม โคลนนิ่งมาได้เหมือนมาก เหมือนเกิดมาเพื่อคาแรกเตอร์นี้จริงๆ อีกคนที่ต้องชื่นชมคือ Tom Hanks เจ้าของบทผู้จัดการส่วนตัว Tom Parker ชายผู้ค้นพบสตาร์ดวงใหม่วงการเพลง บทบาทนี้เป็นคนที่เห็นแก่ตัวตักตวงความสำเร็จจาก Elvis ในช่วงแรกเราได้เห็นความสัมพันธ์ของ 2 ตัวละครนี้ ก่อนที่ธาตุแท้จะถูกเปิดเผยว่าเกาะกินความสำเร็จและทำตัวเพื่อจะได้มีชีวิตอยู่รอดก็เท่านั้น มันทำให้รู้เลยว่าคนเราผลประโยชน์มาเป็นอันดับแรกอยู่เสมอ และ Tom ก็เล่นออกมาได้น่าจดจำ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Denzel Washington แนะนำให้ Baz Luhrmann เลือก Austin Butler มารับบทนำ
- หนังใช้โลเคชั่นการถ่ายทำทั้งหมดคือ Sydney Australia
- Austin Butler ปาดหน้าชนะดาราดังมากมาย Ansel Elgort, Miles Teller, Aaron Taylor-Johnson และ Harry Styles
- Lisa Marie Presley ลูกสาวราชัน Rock N Roll ชอบหนังเรื่องนี้มาก
- หนังได้รับเสียงปรบมือยาวนาน 12 นาทีในเทศกาลหนังเมือง Cannes