The Lost City (2022)
ผจญภัยนครสาบสูญ
คะแนน
โกดังหนัง
ยิ่งดูยิ่งขำกร๊าก ทั้งฮาทั้งเพี้ยน เป็นงานรอมคอมที่ผสมผสานกับหนังผจญภัยมีฉากแอ็คชั่นสวยๆ แถมแคสติ้งนักแสดงทุกคนโดดเด่นน่าจดจำ ทั้ง Sandra, Chaning, Daniel รวมถึง Bradpitt หนังที่จะช่วยคุณคลายเครียดได้เลยจ้า
คำคมจากภาพยนตร์
"Only A Fool Would Choose A Horse By Its Color."
"มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเลือกม้าตามสีของมัน"
เรื่องย่อ
ลอเร็ตตา เสจ คือนักเขียนผู้เก่งกาจ แต่รักสันโดษ เธอได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับสถานที่แปลกประหลาดในนิยายรักผจญภัยยอดนิยมของเธอ โดยมี อลัน มาเป็นนายแบบสุดหล่อมาขึ้นหน้าปกหนังสือ อลัน ทุ่มเทชีวิตเต็มทในการปรากฏตัวเป็น "แดช" ฮีโร่จากนิยาย ลอเร็ตตา และ อลัน ออกทัวร์โปรโมตหนังสือเล่มใหม่ร่วมกัน และพวกเขาทั้งคู่ถูกลักพาตัวโดย มหาเศรษฐีสุดประหลาด ผู้ซึ่งหวังว่าเธอจะสามารถนำเขาไปสู่การพบสมบัติในเมืองโบราณที่สาบสูญในนิยายเรื่องล่าสุดของเธอ อลัน ต้องการพิสูจน์ว่าเขาสามารถเป็นฮีโร่ได้ในชีวิตจริงและไม่ใช่แค่ในหนังสือเท่านั้น เขาจึงออกเดินทางไปเพื่อช่วยเหลือเธอ เมื่อเข้าสู่การผจญภัยในป่าใหญ่ ชายหญิงต่างขั้วจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ และค้นหาสมบัติโบราณก่อนที่มันจะสูญหายไปตลอดกาล
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Lost City เป็นหนังในสไตล์แอ็คชั่นคอมเมดี้รอมคอมผจญภัยล่าสมบัติที่ปรุงแต่งออกมาหลากหลายแนวได้กลมกล่อม อาจมีจุดอ่อนจุดบอดเพียบ ไม่มีความสดใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้แฟนหนังชอบคือหนังมาด้วยความสนุกปมความตลกที่ปล่อยมุกถกเถียงกันได้อย่างเมามันส์ของคู่พระนางอย่าง Sandra Bullock, Channing Tatum ทั้งคู่ทำให้หนังไปได้สุด คนดูหนังเรื่องจะอิ่มเอมแบบไม่ต้องไปคิดอะไรให้มากความ นักแสดงปล่อยของกันเต็มที เป็นกำไรของคนดู
- สายหนังผจญภัย
- สายหนังตลก
- สายหนังแอ็คชั่น
รีวิว / สรุปเนื้อหา
จะบอกว่านี่เป็นหนังแนวไหนดีละ มันได้ทั้งโรแมนติกแอ็คชั่นผจญภัย บทพูดกาวๆฮาๆที่ดูยังไงก็คงไม่มีเบื่อ หน้าหนังขายดารานำแต่รายละเอียดด้านในหนังเล่าเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่เขียนนิยายรักผจญภัยอารมณ์จินตนาการเพ้อฝัน สิ่งที่เธอมีสิ่งที่เธอเป็นมันดันพาเธอไปเจอเหตุการณ์จริงที่มันไม่ได้เพ้อฝัน เมื่อเธอดันจับตัวไปเพื่อใช้ความสามารถที่มีในการตามหาขุมทรัพย์สมบัติ หนังจูนเรื่องราวหลากหลายประเด็นได้พอเหมาะพอเจาะ บทหนังอาจไม่ได้ดีมากออกจะเฉยๆด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่แทรกเข้ามาคือหนังมันใส่กลิ่นอายหนังผจญภัยล่าสมบัติเข้ามา ให้ชายหญิงคู่หนึ่งที่มีชีวิตต่างคนละขั้วต้องมาหนีตายจากการไล่ล่ากลางป่าไปด้วยกัน แต่จังหวะการเล่าเรื่องที่มันดันลงล็อคสนุกมากๆ มอบความบันเทิงให้ผู้ชม
หนังเล่าเรื่องสนุกแบบไม่ต้องคิดอะไรให้มาก อัดแน่นด้วยมุกตลกเต็มๆ พระเอกนางเอกที่เถียงกันได้ทุกเวลา ความบ้าบอความโบ๊ะบ๊ะจากบทพูดและสถานการณ์ล้อมรอบกลายเป็นอารมณ์ขันที่ค่อนขับเคลื่อนจังหวะให้ผู้ชมดูเพลิน ตัวละครเองจากที่ไม่ชอบหน้ากันทนทำงานร่วมกัน พอพระเอกมาช่วยนางเอกก็ค่อยๆเปิดใจ เหมือนสถานการณ์มันพาไป หนังใช้ประโยชน์ตรงนี้ได้เยอะมาก นักแสดงนำทุกคนมีคาแรกเตอร์ที่น่าจดจำหมด ไม่ว่าจะเป็น Sandra Bullock ที่ช่ำชองอยู่แล้วงานถนัดสายคอมเมดี้ ทางถนัดก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เสน่ห์ของเธอมอบรอยยิ้มเสียงหัวเราให้ผู้ชมแบบเราได้ฮากันลั่นโรง เมื่อมาเจอกับหนุ่มนักเต้นหุ่นล้ำ Channing Tatum ชายหนุ่มธรรมดาผู้ไม่มีทักษะอะไรเลย แต่เคมีพอมาเข้าจอร่วมกันสอดประสานกลมกลืนไปกันได้
นอกจากนี้ยังมีนักแสดงเซอร์ไพรส์อย่าง Brad Pitt พ่อหนุ่มขวัญใจสาวๆ ที่มาน้อย แต่ช่วยเหลือหนังได้เยอะ แวะมาสร้างสีสันว่าง่ายๆคือเขากลายเป็นจอมขโมยซีนให้เรื่องราวคู่พระนาง ใครจะไปคิดละว่ามาแจมออกไม่กี่ฉาก แต่ผู้คนมากมายต่างพากันจดจำคิวบู๊เท่ๆของเขา ส่วน Daniel Radcliffe อดีตพ่อมด Harry Pottter หลายๆคนบอกว่าเขาลบภาพจำจากบทบาทเดิมไม่ได้ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การมาเล่นบทร้ายที่ดูเพี้ยนๆไม่น่าเชื่อถือไม่ได้น่าเกรงขาม อาศัยว่าเป็นคนรวยมีเงิน กลับสร้างสีสันให้เรื่องนี้ได้พอสมควรไม่คิดว่าเขาจะออกอาการโรคจิตปนติงต๊องสร้างเสียงหัวเราะให้คนดูได้อย่างไม่เกรงใจเลยละแก
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- คาแรกเตอร์ Brad Pitt ในเรื่องได้แรงบันดาลใจมาจากหนังระดับตำนาน Fight Club
- หนังถ่ายทำที่ปรเทศ Dominican
- Sandra Bullock อายุมากกว่า Channing Tatum 16 ปี
- Brad Pitt ยอมมาเล่นหนังเรื่องนี้เพราะว่าชักชวน Sandra Bullock ไปแจมในหนังเรื่อง Bullet Train
- บทพระเอกเดิมทีเป็นของ Ryan Reynolds แต่เพราะคิวไม่ว่างเลยต้องเปลี่ยน
- Sandra Bullock บอกว่า Daniel Radcliffe คู่ควรกับบท Wolverine หลังจากทำงานร่วมกันในหนังเรื่องนี้