The Pursuit of Happyness (2006)
ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้
คะแนน
โกดังหนัง
หนังเติมความฝัน เติมพลังให้สู้ชีวิตในแบบเรียลๆ ที่สร้างจากเรื่องจริง
ถ่ายทอด American Dream มาได้อย่างสนุก ฟีลกู้ดอิ่มเอมมากๆ
คำคมจากภาพยนตร์
“Fear is not real. It is a product of thoughts you create. Do not misunderstand me. Danger is very real. But fear is a choice”
“ความกลัวไม่ใช่เรื่องจริง มันคือผลผลิตของความคิดที่คุณสร้างขึ้นเอง อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด อันตรายน่ะคือเรื่องจริงแน่ๆ แต่ความกลัวมันเป็นทางเลือก”
เรื่องย่อ
คริส เซลล์แมนขายเครื่องสแกนกระดูก ที่มีชีวิตที่ค่อนข้างเรียบง่ายกับครอบครัว แต่วันนึงหายนะก็มาเยือน เมื่อเครื่องสแกนกระดูกที่เขาลงทุนไปนั้น กลับขายไม่ดีเหมือนเก่า จนทำให้เงินทุนจมไปแทบทั้งหมดและเกิดปัญหาทางการเงินตามมา แม้แต่ภรรยาก็ยังตีจากแยกทางกันไปเพราะรับภาระไม่ไหว คริสจึงต้องกระเตงลูกชายออกมาเพื่อพยายามขายเครื่องสแกนกระดูกต่อไป แต่ดูแล้วก็แทบไม่มีหวัง เขาจึงปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เพื่อมุ่งสู่งานสาย Broker ตามบุคคลที่เป็นตัวอย่างความสำเร็จ ท่ามกลางอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตที่ถาโถมเข้ามา
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Pursuit of Happyness เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มองหาหนังสร้างพลังบวกในชีวิต เติมไฟในการสู้ชีวิต ในการทำงาน ทำธุรกิจหรืออะไรก็ตาม เพราะบทในหนังคือดราม่า ขยี้ใจหลายซีนเหลือเกิน แถมพอมันเป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริงด้วย ก็ยิ่งมีพื้นฐานบางอย่างให้คนเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น ทำให้คนที่ชอบหนังถ่ายทอดเรื่องราวนักธุรกิจอย่างพวก Joy ที่ฝ่าฟันอุปสรรคจนประสบความสำเร็จได้ นี่คือหนังอีกเรื่องที่น่าสร้างแรงบันดาลใจให้จริงๆ
- สายหนังดราม่าพลังบวก
- สายหนังดราม่าคนสู้ชีวิต
- สายหนังสำหรับคนทำธุรกิจ
รีวิว / สรุปเนื้อหา
มันคือหนังสานฝันในแบบอเมริกันดรีมอีกเรื่องที่เอาความเป็นหนัง ความละครมาปรับใช้ให้หนังดูสนุก และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวกที่พร้อมส่งต่อให้กับคนดูได้อย่างเต็มที่ เลยทำให้จากเรื่องของชีวิตจริงของ Chris Gardner ที่เล่าผ่านหนังสือก็ดูน่าสนใจแล้ว พอขึ้นจอเป็นหนังสามารถเติมจุดขยี้ใจ ใส่อารมณ์เพิ่มเข้าไปได้อีก แต่ไม่ว่ามันจะถูกแต่งเติมมามากขนาดไหน สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือหัวใจสำคัญของเรื่องก็ยังเก็บมาได้อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา การต่อสู้เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายขนาดไหนก็ตาม
ซึ่งหนังก็ทำในส่วนนี้ออกมาได้สนุก และบิวท์คนดูขึ้นเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะการขึ้นสุด ลงสุดได้อย่างถึงใจ ในจุดลงก็พาคนดูดิ่งไปกับชะตากรรมที่ตัวละครจะต้องเผชิญ แล้วพอประกอบการความัสมพันธ์พ่อ ลูกไปด้วยแล้ว ก็ยิ่งสร้างความเห็นใจกับพวกเขามากขึ้นไปอีก ในส่วนจุดขึ้นก็เล่นเอาลุ้นกันสนุก และอิ่มเอม ใจพองโตได้ เพื่อเห็นตัวละครที่เราเชียร์มาตลอดเริ่มขยับเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น ทั้งนี้ก็ต้องชื่นชมในตัวของผู้กำกับ ที่ดึงโทนหนังและจังหวะขึ้นลงออกมาได้อย่างลงตัว
ในแง่ดาราที่ไม่พูดก็คงไม่ได้ เพราะในเรื่องนี้ Will Smith เองก็ได้เข้าชิงทั้งออสการ์ และลูกโลกทองคำในสาขาดารานำชายยอดเยี่ยมด้วย แต่ถึงแม้จะไม่ได้รางวัลกลับมาก็คิดว่าหลายคนน่าจะเสียน้ำตาให้กับการแสดงของเขาที่ทำออกมาได้เป็นอย่างดี นับได้ว่า The Pursuit of Happyness ถือเป็นอีกหนึ่งหนังดราม่าน้ำดีที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับคนที่กำลังหมดแรง อีกทั้งเรื่องราวก็ยังดูง่าย เข้าใจง่าย แต่รายทางเต็มไปด้วยแง่คิดดีๆ ที่พร้อมให้คนที่ได้ดูนั้นหยิบเลือกเอาไปใช้ปรับกับชีวิตตัวเองกันได้ตามสะดวก
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- หนังเรื่องนี้ใช้คนไร้บ้านจริงๆ มาเป็นนักแสดงประกอบในเรื่อง พวกเขาได้รับค่าจ้างแบบเต็มวันด้วยค่าแรงขั้นต่ำ พร้อมกับอาหารด้วย และที่น่าเศร้าก็คือนี่เป็นเงินก้อนแรกที่เข้าเพิ่งหาได้ในช่วงที่ผ่านมานี้
- หนังถึงกับลงทุนจ้างนักเล่นรูบิคระดับแชมเปี้ยน เพื่อมาสอนให้ Will Smith สามารถแก้รูบิคได้ภายในสองนาที
- หนังนั้นมีจุดที่เปลี่ยนแปลงจากเรื่องจริง บางอย่างเช่น ตอนที่ตัวเอก Gardner ไปฝึกงานนั้น จริงๆ แล้วเขาได้ค่าจ้าง แม้ว่ามันจะเป็นเงินที่น้อบมากก็ตาม และในช่วงที่ฝึกงานั้น ลูกชายของเขายังเป็นทารกอยู่เลย ไม่ได้โตแบบในหนัง