Good Will Hunting (1997)
ตามหาศรัทธารัก
คะแนน
โกดังหนัง
หนังไลฟ์โค้ชฟีลกู้ดชั้นดี ที่ส่งเสริมการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง และได้รักตัวเองมากขึ้น ผ่านทางบทที่แสนละเมียดละไม
คำคมจากภาพยนตร์
“Real loss is only possible when you love something
more than you love yourself”
“การสูญเสียที่แท้จริง ก็เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ
คุณรักบางอย่างมากกว่าที่คุณรักตัวเอง”
เรื่องย่อ
วิลล์ วัยรุ่นที่ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรในชีวิต นอกจากใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ กับกลุ่มเพื่อนที่ดูไร้อนาคต แต่ทั้งนี้เขาก็มีหน้าที่การงาน นั่นก็คือการเป็นภารโรงในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง วันนึงมี แลมโบ ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยนั้นได้เขียนโจทย์คณิตศาสตร์สุดหินที่ไม่มีใครแก้ได้ เอาไว้ที่กระดาน จนกระทั่ง วิลล์ ผ่านไปเห็นแล้วดันแก้โจทย์บนกระดานนี้ได้ จนทำให้ตัวศาสตราจารย์เองก็ได้ตามหาบุคคลที่มีความสามารถเช่นนี้ ก่อนที่จะมาพบว่าเป็นวิลล์ เขาเลยมีความตั้งใจว่าจะผลักดันเด็กหนุ่มนี้ โดยมอบ วิลล์ ให้กับ ฌอน นักจิตวิทยาเพื่อนรักของเขา เพื่อให้รับช่วงต่อ ในการดูแล และให้วิลล์ใช้ความสามารถอัจฉริยะไปในทางที่ถูกที่ควร
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Good Will Hunting นั้นจะเหมาะกับคนที่กำลังมองหาหนังรางวัลดีๆ สักเรื่อง ที่ดูง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องตีความเยอะ แต่ได้อะไรกลับมาเยอะแล้ว นี่คือหนึ่งในหนังดีๆ ที่คุณกำลังมองหาอีกเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย การันตีด้วยการเข้าชิงออสการ์ถึง 9 สาขา และยังเป็นการเปิดตัวฝีมือการเขียนบทสุดเฉียบของ Matt Damon ที่จับคู่กับ Ben Affleck แล้วด้วย ทำให้หากใครชอบหนังสายรางวัลดีๆ ที่ดูไม่ยาก อย่าง Dead Poets Society หรือ A Beautiful Mind หนังก็จะมีโทนของความดีงามควรค่าแก่รางวัลประมาณนั้นเลย
- สายหนังคุณภาพดีชิงรางวัล
- สายหนังไลฟ์โค้ชสอนชีวิต
- สายหนังดราม่าชั้นดียุค 90s
รีวิว / สรุปเนื้อหา
สุดยอดหนังไลฟ์โค้ชชั้นดีอีกเรื่อง ที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นผลจากการเขียนบทร่วมกันของ Matt Damon และ Ben Affleck ในสมัยที่ยังไม่ได้เป็นนักแสดงชื่อดังแบบทุกวันนี้ เพราะตัวบทหนังเองก็เป็นการเขียนขึ้นใหม่ ที่มีความละเมียดละไมมาก จนทำให้ตัวบทของหนังเองก็ได้รางวัลออสการ์ในปี 1998 มาครองด้วย กับเรื่องราวภารกิจการแนะแนวอัจฉริยะที่มีความสามารถไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร ในขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจกับปัญหาชีวิตของตัวละครอันเป็นปมปัญหาสำคัญของหนังไปด้วย
ซึ่งตัวหนังที่อยู่ในมือของผู้กำกับ Gus Van Sant ก็ถ่ายทอดเรื่องราวจากในบทออกมาได้เป็นอย่างดี ด้วยพลังของนักแสดงทั้งหน้าเก่าอย่าง Robin Williams ก็ทำออกมาได้อย่างโดดเด่นตามที่ควรจะเป็นจนคว้ารางวัลนำชายมาครองได้ ส่วนหน้าใหม่อย่าง Matt Damon ก็กลายเป็นนักแสดงที่น่าจับตามองภายในเวลาชั่วข้ามคืน รวมถึงทักษะในการเขียนบทของเขาด้วย เพราะต้องอาศัยความเข้าอกเข้าใจในเรื่องของอาการทางจิต และความเป็นมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เพราะในเรื่องนั้นค่อนจะไปเป็นการรักษาอาการ “ภาวะผูกพันผิดปกติ” (Attachment Disorder) ไปด้วย ควบคู่ไปกับการผลักดันให้ตัวละครอย่าง วิลล์ นั้น เข้าใจในคุณค่าและความสามารถของตัวเองไปพร้อมๆ กัน
แม้ว่าจะเป็นหนังสายรางวัล แต่ Good Will Hunting ก็เป็นหนังที่ถ่ายทอดออกมาให้ดูง่าย เข้าใจง่าย ได้เรียนรู้ไปกับแง่คิดอะไรหลายๆ อย่าง ที่แต่ละตัวละครถ่ายทอดออกมาได้อย่างคมคาย โดยที่ไม่ต้องมานั่งตีความอะไรในเนื้อหาอะไรให้มากมายนัก แถมตัวหนังยังถ่ายมิตรภาพของตัวละครมาได้อย่างอบอุ่น ผ่านไดอาล็อคเรื่องที่เป็นธรรมชาติ เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยอะไรมากมายเหลือเกิน ทำให้แม้กระทั่งฉากที่สองตัวละครคุยกันที่ม้านั่ง ก็ทำเอาคนดูน้ำตาซึมไปจนถึงน้ำตาไหลออกมาได้ไม่ยากเลย ทำให้ต้องยกให้เป็นหนังดีๆ อีกเรื่องที่รักมากเลยจริงๆ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ในวันแรกของการถ่ายทำนั้น Matt Damon และ Ben Affleck ที่ร่วมกันเขียนบทเรื่องนี้ต่างต้องหลั่งน้ำตาด้วยความปิติยินดี เพราะได้เห็นฉากการถ่ายทำของ Robin Williams กับ Stellen Skarsgard มาต่อบทสนทนาที่พวกเขาเขียนกันเอาไว้ หลังจากที่พวกเขาเฝ้ารอสิ่งนี้มาเนิ่นนานถึง 5 ปี
- ฉากม้านั่งที่น่าจดจำของหนังที่ถ่ายทำในสวนสาธารณะนั้น มีผู้คนมากมายกว่า 3,000 คนที่เข้ามาดูการถ่ายทำฉากนี้ เนื่องจากความเป็นดาราดังของ Robin Williams ในยุคนั้น
- Ben Affleck เพิ่งจะอายุ 25 ในตอนที่เข้าได้รางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องนี้ จนทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดที่ชนะรางวัลสาขานี้ ในขณะที่ตอนนั้น Matt Damon ก็เพิ่งจะอายุ 27 ก็เลยเป็นคนที่อายุน้อยอันดับ 2 รองลงมาเช่นกัน