Enemy of the State (1998)
แผนล่าทรชนข้ามโลก
คะแนน
โกดังหนัง
บันเทิงสุดระทึกสไตล์หนังจารชน ศึกชิงไหวชิงพริบที่มีชั้นเชิง ลุ้นสนุกไปกับหนัง แม้จะไม่มีฉากแอคชั่นเลย
คำคมจากภาพยนตร์
“Well, who’s gonna monitor the monitors of the monitors?”
“งั้นใครล่ะ ที่จะเป็นคนที่คอยสอดส่อง คนที่สอดส่องคนที่คอยสองส่องอีกที?”
เรื่องย่อ
เมื่อรัฐบาลกำลังพยายามผ่านกฏหมายที่อนุญาตให้รัฐดักฟังประชาชน แต่มี ส.ส. คนหนึ่งที่พยายามจะคัดค้าน เลยถูกเจ้าหน้าที่รัฐฆ่าทิ้ง แต่แล้วกลับมีคนถ่ายเหตุการณ์การอำพรางศพเอาไว้ได้ และเทปเจ้ากรรมดันบังเอิญตกไปอยู่ในมือของ ดีน ทนายดวงซวย เขาเลยกลายเป็นเป้าหมายต่อมาในการจับตามองของรัฐ ว่าเขาจะทำอะไรกับคลิปวิดีโอนี้ จนทำให้เขาต้องใช้ไหวพริบในการเอาตัวรอดจากการตามจับของหน่วยงานที่แทบจะติดตามเขาได้ทุกอย่าง
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Enemy of the State นั้น ไม่เพียงแค่เหมาะกับคอหนังสายทริลเลอร์ธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่ยังตั้งคำถามถึงอำนาจของรัฐที่จะเข้าถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนในด้านต่างๆ เข้ามาด้วย จนเสริมให้เนื้อเรื่องและเรื่องราวนั้นมีความเข้มข้นมากขึ้นไปอีก จนทำให้หนังเรื่องนี้สร้างสรรค์ความระทึกชวนลุ้นให้กับคนดูได้แบบนั่งไม่ติดเก้าอี้ โดยที่ไม่ต้องเน้นฉากแอคชั่นมากมาย ซึ่งใครชอบหนังสไตล์พระเอกที่ต้องหนีๆ บวกกับประเด็นเข้มๆ เช่นนี้แบบ The Fujitive หรือ U.S. Marshalls แล้วนี่คืออีกเรื่องที่ต้องดูเลยจริงๆ
- สายหนังทริลเลอร์ยุค90
- สายหนังไล่ล่าสุดระทึก
- สายหนังเสียดสีรัฐบาล
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หนังที่ตั้งคำถามเรื่องของการที่รัฐเข้าถึงข้อมูลของประชาชนแบบมาก่อนกาล จากการขยี้ประเด็นสิบแรงมือด้วยมือของผู้กำกับอย่าง Tony Scott ที่โดยปกติแล้วเขามักทำหนังแอคชั่นในแบบตลาดๆ มากกว่าผู้พี่อย่าง Ridley Scott แต่เรื่องนี้ต้องยอมรับเลยว่าเป็นอีกผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก และกลายเป็นผลงานที่เราชอบมากที่สุดของเขาแล้ว ด้วยความที่หนังเรื่องมันปรับลดระดับความเป็นแอคชั่นลงมา และเน้นไปโทนจารชนไล่ล่าแทน ประกอบกับการยัดประเด็นหนักๆ ที่วิจารณ์ถึงการทำงานของรัฐที่ดูจะเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ ก็ยิ่งลงตัวกับหนังแนวของเขาได้ดีจริงๆ
เพราะตัวหนังสะท้อนถึงความซวยของตัวละครเอกอย่าง ดีน ที่ต้องเผชิญ ถ้าหากว่ารัฐนั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทั้งหมดจริงๆ นั้นจะเกิดอะไรขึ้น และเราก็จะเห็นได้ว่า ขนาดในยุคนั้นยังสามารถติดตามในทุกฝีก้าวขนาดนี้ ถ้าเป็นยุคนี้จะมีความน่ากลัวขนาดไหน นั่นคือจุดประสงค์จริงๆ ที่หนังต้องการทำให้เราเห็น ผ่านทางการไล่ล่าระหว่างหน่วยงานกับ ดีน ที่ปรากฏอยู่ในเวลา 2 ชั่วโมงกว่า ที่แม้ว่าจะมีฉากแอคชั่นไม่มาก แต่ก็ทำเอาคนดูต้องลุ้นไปกับชะตากรรมของตัวละครจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ ซึ่งยังดีที่มาดกวนๆ ของ วิล สมิธ ยังช่วยดึงโทนหนังให้มีอารมณ์ขันเข้ามาได้บ้าง
จนทำให้แม้ว่าหนังจะเป็นสไตล์จารชนแบบสูตรสำเร็จ แต่ด้วยตัวพล็อตเรื่องที่เหนือชั้นในยุคนั้น ประกอบกับจังหวะการดำเนินเรื่องไล่ล่าที่ชวนลุ้น และวัดกันด้วยการชิงไหวชิงพริบ ที่ดูมีชั้นเชิง แก้ทางกันพอดู และอาศัยการวางมุมกล้องสไตล์ตามติดตัวละครแบบไกลๆ เสมือนว่าถูกจับตามองอยู่ตลอด ซึ่งการที่หนังประเด็นหนัก แต่กลับทำออกมาได้แมสเช่นนี้ ก็คงเป็นเพราะได้ Producer ของหนังอย่าง Jerry Bruckheimer ที่ชื่อนี้การันตี คุณภาพความบันเทิงแบบมันส์ๆ ดูง่าย เข้าถึงง่ายกันอยู่แล้ว มันเลยกลายเป็นหนังแนวไล่ล่า เสียดสีรัฐบาลในยุค 90s ที่โคตรสนุก และอยากแนะนำมากๆ อีกเรื่องเลย
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- เดิมทีบท ดีน ของ Will Smith นั้นควรจะเป็นของ Tom Cruise แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธไปเพราะติดการถ่ายหนังเรื่อง Eyes Wide Shut ของผู้กำกับ Stanley Kubrick อยู่ ในส่วนของ Will Smith นั้น ก็ยอมเล่นหนังเรื่องนี้โดยการลดค่าตัวลงมา เพราะอยากเล่นกับ Gene Hackman
- สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หรือ NSA นั้นปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการถ่ายหนังเรื่องนี้ จากการที่มีการพาดพิงในทางที่ไม่ดีในหนัง