เรื่องย่อ

เบบี้ หนุ่มมีผู้มีแผลในใจจากการสูญเสียพ่อ แม่ไปตั้งแต่ในวัยเด็ก ซึ่งสิ่งที่ติดตัวมาก็คือเสียงวิ้งๆ ในหูจนทำให้เขาต้องใส่หูฟังเพลงอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงนั้น เขาเองมีอาชีพเป็นคนขับรถให้แก๊งอาชญากรเพื่อไปปล้นตามสถานที่ต่างๆ จากฝีไม้ลายมือการขับรถในระดับเทพ เขาเลยเป็นที่ต้องการในแก๊งอย่างมากในระดับที่ขาดไม่ได้เลย แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้พบกับ เดโบร่า สาวสวยเสมือนนางในฝัน จนทำให้เขาอยากที่จะลาวงการปล้นเพื่อมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เรื่องราวก็ไม่ง่ายเช่นนั้น เมื่อทีมปล้นไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Baby Driver นั้น เหมาะมากกับคนที่ชอบหนังแนวๆ หนังที่ดูเหมือนธรรมดา แต่ใส่สีสันเข้าไปได้อย่างฉูดฉาด จัดจ้าน จนยกระดับตัวพล็อตหนังปล้นกัน หักหลังกัน ไปสู่แนว Action-Musical ออกมาได้เป็นอย่างดี การเลือก Playlist เพลงจากในเรื่องก็มีรสนิยมมาก พอเอามาปรับเข้ากับหนังก็ดูสร้างสไตล์ที่เด่นชัดได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าคุณไม่ได้มีความหลงใหลในดนตรีหรือบทเพลงขนาดนั้น ก็อาจจะรู้สึกเฉยๆ กับมันอยู่ก็ได้ ใครที่ชอบหนังซิ่งแบบมีสไตล์จัดจ้านอย่าง Drive หรือแบบ The Italian Job แล้ว เราต้องขอแนะนำ Baby Driver เอาไว้อีกเรื่องนึงเลย

• สายหนังแอคชั่นมิวสิคัล
• สายหนังเพลงเพราะๆ
• สายหนังแอคชั่นปล้น

รีวิว / สรุปเนื้อหา

Edgar Wright น่าจะเป็นผู้กำกับอีกคนที่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นผู้กำกับขวัญใจเด็กแนวจริงๆ จากไตรภาค Cornetto ของเขาอย่าง Shaun of the Dead, Hot Fuzz และ The World’s End ที่ทำออกมาได้สนุกเหลือเกินจนน่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็นฝีมือเขาในการทำหนังของ Marvel อย่าง Ant-Man ซึ่งในการกำกับของเขาใน Baby Driver นั้น ก็ดึงเอาลายเซ็นความแนวของตัวเองมาใส่ได้อย่างน่าสนใจ และกลายเป็นหนังแนวแอคชั่น-มิวสิคัลในแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะตัวหนังอัดเพลงเข้ามาในเรื่องแน่นมาก และมีผลต่อการดำเนินเรื่องมากๆ

จริงๆ แล้วพล็อตหนังอาจจะไม่ได้ดูมีอะไรแปลกใหม่มากนัก เพราะจริงๆ มันก็คือเรื่องของแก๊งโจรที่มีคนอยากถอนตัว เพราะมีความรัก แต่ถอนไม่ได้ ซึ่งก็น่าจะเคยเห็นกันมาในหนังหลายๆ อยู่ เพียงแต่ว่าพอเรื่องนี้ มันใส่คาแรคเตอร์ตัวละครแบบแปลกๆ เข้าไป ตั้งแต่ตัวละครเอกที่ต้องอัดเพลงเข้าหูทั้งวัน รวมถึงทีมตัวร้ายที่ดูความโดดเด่นในตัวเอง อย่างตัวบอสของเรื่องก็ดูเป็น Mastermind จอมวางแผนจอมบงการที่ดูมีความลึกลับดี ในส่วนของลูกน้องเขาก็ดูโหดกันดีเหลือเกิน ซึ่งพอเอามาต่อกรกับสกิลขับรถของตัวเอก มันเลยเป็นการไล่ล่า หักเหลี่ยม เฉือนคมในแบบที่สนุกมากๆ

ในด้านฉากแอคชั่นก็เรียกได้ว่าทำมาดีเลย ในฉากขับรถต่างๆ มีความเท่ และความเฉพาะตัวอยู่มาก พอประกอบกับการใช้เพลงใน Playlists ดีๆ ในเรื่องด้วยแล้วนั้น ก็ยิ่งทำให้ฉากไล่ล่ากันดูมีความโดดเด่นกันเข้าไปใหญ่ ซึ่งเสน่ห์ของหนังอีกอย่างก็คือ Dialogue หรือบทพูดที่ทำออกมาได้เฉียบและมีความยียวนสุดๆ ประหนึ่งหนังเควนติน ทาแรนติโน่ ที่ต่างเชือดเฉือน ใส่มุข เสียดสีต่างๆ ได้คมสุด จนทำให้ในช่วงที่หนังนั้นไม่ได้มีฉากแอคชั่นมาช่วย ก็ยังคงสร้างความบันเทิง และอัดแน่นไปด้วยความเข้มข้นได้อยู่เหมือนเดิม นับเป็นหนังแนวๆ อีกเรื่องที่ตัวหนังและเพลงประกอบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างน่าสนใจ