Rocketman (2019)
ร็อคเกตแมน
คะแนน
โกดังหนัง
เป็น 2 ชั่วโมงที่เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง
ผสมผสานกับเนื้อหาชีวประวัติเอลตัน จอห์น
ที่ให้อารมณ์แฟนตาซีและสมบูรณ์แบบจริงๆ
คำคมจากภาพยนตร์
"Maybe I should have tried to be more ordinary but you were never ordinary."
"บางทีฉันน่าจะพยายามทำตัวธรรมดากว่านี้ แต่คุณไม่เคยธรรมดา"
เรื่องย่อ
เรื่องราวอันสุดมหัศจรรย์ในช่วงเวลาหลายปีที่ เอลตัน จอห์น แจ้งเกิดในวงการ ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดตามการเดินทางสุดมหัศจรรย์พันลึกของการเปลี่ยนแปลงจาก เรจินัลด์ ดไวท์ นักเปียโนอัจฉริยะ ไปสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ของโลก เอลตัน จอห์น เรื่องราวที่ให้แรงบันดาลใจเรื่องนี้ ซึ่งใช้บทเพลงของ เอลตัน จอห์น ที่คนทั้งโลกรักที่สุด กับบทบาทการแสดงโดยนักแสดงดาวรุ่ง ทารอน เอเจอร์ตัน บอกเล่าเรื่องราวที่ทุกคนสามารถอินไปด้วยได้ ว่าเด็กผู้ชายจากเมืองเล็ก ๆ ได้กลายมาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทุกคนชื่นชอบและมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในวัฒนธรรมร่วมสมัยได้อย่างไร
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Rocketman เป็นหนังที่เหมาะกับคนที่รักเสียงเพลงแน่ๆ เพราะภาพรวมหนังสามารถสร้างความเพลิดเพลินให้ผู้ชมได้มหาศาล บทเพลงของท่านเซอร์ เอลตัน จอห์น ช่วยเล่าเรื่องราวชีวประวัติได้อย่างสนุกสนานในแบบมิวสิคัล การร้อยเรียงเรื่องราวเต็มทำให้เรารู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือหญิง, LGBT ก็สามารถดูเรื่องนี้และเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของป๋าเอลตันจริงๆ ต่อให้ไม่ใช่แฟนเพลงพันธ์แท้คุณจะโยกตามไปกับจังหวะเสียงดนตรีในเรื่อง ลูกเล่นที่ผู้กำกับใส่เข้ามาความคิดสร้างสรรค์ที่เข้าขั้นมหัศจรรย์ หนังเรื่องนี้กลมกล่อม
- สายหนังดราม่า
- สายหนังมิวสิคัล
- สายหนังที่ชอบฟังเพลง
- สายหนังที่เป็น LGBT
- สายหนังที่ชื่นชมเอลตัน จอห์น
รีวิว / สรุปเนื้อหา
พอได้ดูจริงๆแล้วกลับประทับใจมาก Rocketman มันคือหนังชีวประวัติที่อาจจะไม่ได้ลุ่มลึกหรือแพรวพราวในบทภาพยนตร์ แต่สิ่งที่ทำให้หนังดีตั้งแต่ต้นจนจบคือความแฟนตาซีที่ถูกใส่ลงไปในเนื้อหา มันงดงามทรงพลังสะกดผู้ชมอย่างผมได้อยู่หมด หนังโฟกัสเนื้อหาในการนำเสนอชีวิตของ เอลตัน จอห์น ในรูปแบบโลกส่วนตัวสุดเพ้อฝัน ย้อนแย้ง และเจ็บปวด เป็นวัตถุดิบที่ดีมากๆ สูตรของหนังคล้ายๆกับ Bohemian Rhapsody แต่สิ่งที่แข็งแรงกว่าคือ Rocketman มีความแฟนตาซีให้เนื้อหาใช้ทุกฉากเล่าให้เป็นอารมณ์ Musicalซึ่งเหมาะสมกับเรื่องราวมากๆ เพราะมันได้ทุกห้วงอารมณ์สุขเหงาเศร้า และจุดนี้เองทำให้หนังซับซ้อนกว่าที่คิด
พอหนังมีความเป็นมิวสิคัล แฟนตาซี มันเลยดึงความสามารถของ ทารอน เอ็ดเกอร์ตัน ออกมาได้เต็มที่ โอ้แม่เจ้า พี่แกแม่งเข้าถึงบทบาทได้ถึงพริกถึงขิง ทุ่มเทสุดตัวจริงๆในการแสดงเหมือนวิญญาณเอลตันเข้าสิงอย่างไงอย่างนั้น เล่นได้เหมือนโคลนนิ่งมาทุกระเบียบนิ้ว แถมคอสตูมที่พี่แกใส่ก็ถอดแบบคล้ายคลึงกับเหตุการณ์จริง คือต้องชมผู้กำกับที่แม้ว่านักแสดงจะเหมือนตัวจริง แต่เค้นศักยภาพออกมาทำให้เราเชื่อเหตุการณ์ตรงหน้าว่านี่แหละเอลตัน จอห์น ร็อคสตาร์นักบรรเลงเปียโนระดับโลก
อีกข้อ 1 ที่ขาดไม่ได้คือเสียงเพลงที่หยิบมาใช้ในหนังผ่านการบรรเลงเรียบเรียงมาใหม่ให้ความสนุกสนานมากเช่น Crocodile Rock ที่ฟังแล้วรู้สึกปลุกเร้าอารมณ์ร่วมไปในตัว ผมจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อเวลาได้ยินเพลงนี้ที่ไหน มักจะมีคนลุกขึ้นมาสนุกและเต้นอยู่ตลอดเวลา ขณะเพลงช้าบาดลึกอย่าง Your Song ฟังแล้วก็เข้าใจความรู้สึกของเอลตัน จริงมันหดหู่และเศร้าอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ทุกเพลงก็ถูกเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ มันจึงทำให้เพลงที่นักแสดงร้องในเรื่องมันมีพลังและสามารถถ่ายทอดส่งถึงคนดูได้ไม่ยาก
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Taron Egerton นักแสดงนำใช้เวลาฝึกการเป็น Elton John นานถึง 6 เดือน ทั้งท่าทางและการร้องเพลงเพื่อให้สมบทบาทที่สุด
- บทบาท Elton John ทีมงานอยากได้ Tom Hardy มาแสดงนำ แต่ติดที่ว่าเจ้าตัวร้องเพลงไม่ได้ดี
- ระหว่างถ่ายทำ Rocketman Dexter Fletcher ผู้กำกับต้องปลีกเวลาไปกำกับ Bohemian Rhapsody ด้วย