3 Idiots (2009)
3 อัจฉริยะปัญญาอ่อน
คะแนน
โกดังหนัง
เสียดสีระบบการศึกษาได้ดุเด็ดเผ็ดมันส์ เนื้อเรื่องก็สนุกชวนติดตาม ลบภาพลักษณ์ของหนังอินเดียที่ฝังใจไปจนหมด
คำคมจากภาพยนตร์
"I wasn't teaching you engineering, that you know better than me. I was teaching you how to teach.”
"ผมไม่ได้กำลังสอนวิศวกรรมกับคุณ เพราะคุณรู้เรื่องนี้ดีกว่าผม แต่ผมกำลังสอนคุณถึงวิธีการสอน”
เรื่องย่อ
รานโช ฟาร์ฮาน และราจู เพื่อนรักสามคนที่เคยสัญญากันเอาไว้ว่าอีก 10 ปีข้างหน้า พวกเขาจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เพื่อดูว่าใครคือคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากกว่ากัน ซึ่งในสมัยมหาวิทยาลัยนั้น พวกเขาเรียนคณะวิศวะด้วยกันในมหาลัยที่ขึ้นชื่อว่าเข้ายากที่สุดในอินเดีย พวกเขาได้สร้างวีรกรรมเอาไว้มากมาย รวมถึงการตอกหน้าระบบการศึกษาที่มีอยู่ เพราะไม่เชื่อว่าการเรียนรู้แบบนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จและความสุขในชีวิตให้กับบรรดานักศึกษาได้ จนทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับเรื่องวุ่นๆ ที่ตามมา พร้อมทั้งจัดการกับปัญหาชีวิตและมิตรภาพของพวกเขาเองไปด้วย
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ 3 Idiots จึงเป็นหนังที่อยากแนะนำสำหรับคนที่อยากลองเข้าสู่โลก Bollywood ดูบ้าง และอยากลองเปิดใจให้กับหนังอินเดียสักเรื่อง นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ และไม่ว่าใครต่อใครที่เราได้เคยแนะนำก็พร้อมเปิดใจให้กับหนังอินเดียเรื่องต่อๆ ไปได้ทันทีหลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้ และหากถูกใจหนังเรื่องนี้กันแล้ว เรื่องต่อไปที่จะแนะนำกันนั้น อยากให้ลองดูหนังที่มีชื่อว่า PK ที่มีผู้กำกับและนักแสดงเดียวกัน ที่ยังคงเข้มข้นกับประเด็นเช่นเคย แค่เปลี่ยนจากระบบการศึกษาไปสู่เรื่องความเชื่อและศาสนาได้อย่างดีมากๆ
- สายหนังแขกยุคใหม่
- สายหนังเสียดสีสังคม
- สาย Bollywood
รีวิว / สรุปเนื้อหา
3 idiots เป็นหนัง Bollywood ที่มักเอามาแนะนำให้กับบรรดาคนที่สนใจอยากลองเริ่มดูหนังอินเดีย ควบคู่ไปกับหนังของผู้กำกับ Rajkumar Hirani ที่มีชื่อว่า “PK” มาโดยตลอด เพราะกว่า 90% ที่เชื่อและได้ลองกลับไปดูตามที่ว่านั้น ต่างก็ต้องกลับมาพูดถึงความดีงามของมันเป็นอย่างมาก ทั้งประเด็นที่เข้มข้น การเล่าเรื่องสนุก และมีอีกหลายๆ องค์ประกอบที่ดีกว่าหนังไทยในหลายๆ อยู่ด้วยซ้ำ จนเมื่อดูเรื่องนี้จบกันไป หลายๆ คนก็พร้อมที่จะเปิดใจดูหนังอินเดียเรื่องอื่นๆ ต่อไปในอนาคต เพราะหนังอย่าง 3 idiots นั้นน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนทางความคิดของหลายๆ เกี่ยวกับหนังอินเดียที่มีไปได้เลย
ความน่าสนใจของหนังนั้นอยู่ที่การลงไปลุยถึงประเด็นในเรื่องของระบบการศึกษาได้อย่างสนุก เฉียบแหลม ผ่านบทพูดที่การโต้เถียงระหว่างตัวละคร ที่ทำให้เราเห็นมุมมองของการศึกษาที่ควรจะเป็น กับการศึกษาที่เป็นอยู่ ซึ่งหลายๆ ประโยคในหนังก็ช่างแทงจิตใจคนดูที่ยังคงอยู่ในระบบการศึกษาที่พินาศแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เป็นอย่างมาก ทั้งหลักสูตรที่ย่ำแย่ และระบบที่บีบให้เด็กต้องถูกกดดันจากสิ่งรอบข้างให้ต้องทำเกรดและคะแนนให้ดีเท่านั้น ถึงจะเป็นตัวชีวิตความสำเร็จของการศึกษา แต่ในทางกลับกันบทพูดที่ว่านั้น ก็เป็นส่วนที่ประดิษฐ์ประดอยไปหน่อย จนเกินกว่าจะเป็นบทสนทนาจริงๆ แต่เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อโยนบทพูดเหล่านี้เข้าไป ก็ทำให้หลายคนๆ อาจรู้สึกว่ามันดูไม่เป็ค่อยนธรรมชาติเท่าไรนัก
นอกจากเรื่องราวและบทพูดที่ดีมากๆ แล้ว หนังยังทำให้คนดูนั้นสัมผัสได้กับฉากร้องเล่นเต้นรำตามสไตล์หนังอินเดียที่คนส่วนมากมักมองเป็นของแสลงมาโดยตลอด แต่เมื่อได้ดูจริงๆ ก็ต้องพบว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังอินเดียได้มากจริงๆ เพราะบทเพลงในฉากเหล่านั้น ก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความหมายที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องแทบทั้งนั้น ส่วนจังหวะเพลงก็ยังทำให้คนดูสนุกไปได้ด้วย ในส่วนทีมดาราก็คัดมาได้ดีด้วยการนำทีมของ Aamir Khan ที่เป็นเสมือนซุปตาร์ของบ้านเขา ก็ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการรับบทเป็นวัยรุ่นหัวขบฏที่มีความคิดตรงข้ามกับระบบการศึกษาในปัจจุบัน จนทำให้หนังเรื่องนี้ดีไปแทบทุกอย่าง ตั้งแต่บท ประเด็น ความสนุก ทีมดารา ที่ต่างเติมเต็มให้กับหนังได้อย่างครบถ้วน
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- หนังเดินหน้ากวาดรางวัลมามากมายโดยเฉพาะสำนัก Annual Central European Bollywood Awards, India ปี 2010 ที่หนังเข้าชิงถึง 9 รางวัล และได้ติดมือกลับบ้านมาถึง 7 รางวัล โดยเป็นรางวัลใหญ่ทั้งนั้น รวมถึง Best Film และ Best Director ด้วย
- Rajkumar Hirani นับว่าเป็นอีกผู้กำกับที่สร้างสรรค์แต่ผลงานดีๆ ออกมา โดยหนังทุกเรื่องของเขามีคะแนนเกิน 8.0 ในเว็บ IMDB ทุกเรื่อง ยกเว้นแค่เรื่องเดียวคือ Sanju (2018) ที่เป็นหนังคะแนนต่ำที่สุดของเขาที่ 7.7 คะแนน