The Nightingale (2021)
ปักษา พยาบาท
คะแนน
โกดังหนัง
นี่คือหนังฆ่าล้างแค้นที่ดูแล้วหดหู่และจนเกือบจิตตก เนื้อหาเต็มไปด้วยความตึงเครียดสะเทือนอารมณ์สุดๆ เล่นใหญ่เจ็บปวดทุรนทุราย
คำคมจากภาพยนตร์
"You don't want trouble but sometimes trouble wants you."
"คุณไม่ต้องการปัญหา แต่บางครั้งปัญหาก็มาหาคุณ"
เรื่องย่อ
แคลร์ สาวน้อยชาวไอริชในยุค 1825 หญิงชาวไอริชเจ้าของสมญานาม “นกไนติงเกล” ผู้สูญเสียครอบครัวไปเพราะถูกทหารอังกฤษ 4 นาย ข่มขืนเธอและฆ่าสามีและลูกเธอทิ้งอย่างน่าอนาถใจ เธอตัดสินใจมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อชำระแค้นพวกเดนนรก โดยได้รับความช่วยเหลือจากหนุ่มพื้นเมืองผู้อาสาเป็นพรานนำทา
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Nightingale เป็นงานระทึกขวัญที่หดหู่เข้าขั้นดาร์ค ที่แฟนหนังออกแนวซาดิสถ์หรือคนที่ชอบหนังล้างแค้นประเภทเดือดๆจะต้องชอบแน่ๆ มันไม่ได้มีแค่พล็อตเรื่องแบบนี้เท่านั้น แต่หนังยังเต็มไปด้วยประเด็นการเหยียดเพศและสีผิว หนังมันค่อนข้างตึงเครียด จิตไม่แข็งจริงดูไม่ได้แน่ๆ มันค่อนข้างจะเต็มไปด้วยความโหดร้ายที่หนักหน่วงมาก ไม่แปลกใจเลยที่หนังโดนดองไว้นาน 3 ปี แถมหน้าหนังก็เน้นออกไปทางสายหนังรางวัลอีกด้วย หนังจึงไม่ตอบโจทย์กับคนดูทั่วไปแน่ๆ
- สายหนังฆาตกรรม
- สายหนังระทึกขวัญ
- สายหนังซาดิสถ์
รีวิว / สรุปเนื้อหา
การแก้แค้นของ แคลร์ ในช่วงต้นเรื่องเพื่อไปล้างแค้นพวกทหารคือประเด็นรอง เพราะเรื่องราวที่ผู้กำกับนำเสนอก็คือ ความเป็นสตรีของผู้หญิงสมัยก่อน โดนเหยียดและแบ่งชนชั้นจากเพศชาย เพราะคำว่าชายเป็นใหญ่เป็นผู้นำแข็งแรงกว่าเพศหญิง พวกเธอไม่ต่างอะไรจากคนที่ถูกกระทำ นางเอกของเรื่องก็คือนักโทษถูกนำตัวมายังออสเตรเลีย เพื่อให้ทำหน้าที่รับใช้เหล่าทหาร ทำหน้าที่ร้องเพลงขับกล่อมและเสิร์ฟอาหาร กระทั่งความหื่นกามของทหารเลวคน 1 ที่ชอบในตัวนางเอก จึงจัดการขืนใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกิดเหตุการณ์นองเลือดที่สะเทือนอารมณ์ก็เกิดขึ้น
นอกจากคำว่าผู้ชายเป็นใหญ่ในสังคมแล้ว อีกจุดหนึ่งที่หนังสือสารออกมาก็คือคนผิวสี สมัยก่อนเราทุกคนรู้กันดีว่า ชาวนิโกร โดนเหยียด โดนตัดสินให้เป็นคนชั้นต่ำ โดนเหยียดโดนกระทำไม่ต่างจากทาส เผลอๆถูกฆ่าตายโดนไม่รู้ตัว ความโหดร้ายการแบ่งชนชั้นของคนสมัยก่อนมันน่ากลัว เพียงเพราะพวกเขาตัดสินความเป็นคนเพียงแค่สีผิวเท่านั้น ซึ่งหนังเองก็เล่าเรื่องให้เห็นภาพชัดเจน ระหว่างผู้ชายผิวขาวที่ถือว่าตัวเองเป็นใหญ่ ผู้หญิงที่โดนกดขี่ และคนผิวสี แถมบรรยากาศหนังมันดูวังเวง ซาวด์ประกอบก็ไม่มีให้ความดาร์คแบบดุดันไปอีก
ทิศทางของหนังหนักไปในการเดินป่า ดำเนินเรื่องไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ตัวละครนางเอกที่โดนหระทำ กับพรานหนุ่มผิวสีได้ทำความรู้จักและเปลี่ยนมุมมอง ทัศนคติกันและกันเสียมากกว่า เพราะผู้หญิงและคนผิวสีคือคนที่โดนกดขี่ข่มเหงอยู่ตลอดเวลาในยุคสมัยเกือบ 200 กว่าปีก่อน หนังออกมาให้ความรู้สึกว่าคนดูต้องเข้าอกเข้าใจความเจ็บปวดของตัวละคร มันให้ความรู้สึกหดหู่ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลากับสภาพจิตใจของผู้หญิงคน 1 ที่สูญเสียไม่เหลืออะไรเลยในชีวิต และสิ่งที่เธอต้องการคือการเช็คบิลทหารเลวเหล่านั้นให้ได้ อยากให้เครดิต Aisling Franciosi นางเอกของเรื่อง เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่ต้องมาแสดงเป็นคนที่มีสภาพจิตใจย่ำแย่และต้องมาทำอารมณ์สื่อสารให้คนดูเข้าใจความเจ็บปวดที่ต้องแบกรับจากการสูญเสียลูกและแฟน
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- หนังเรื่องนี้ถูกดองไว้ 3 ปีถึงมีโอกาสได้ฉายโรง เพราะเนื้อหาโหดร้าย
- หนังไปถ่ายทำที่เกาะ Tasmania