The Childe (2023)

เทพบุตรล่านรก

The Childe Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังแอ็คชั่นกวนประสาทแห่งปีกว่าได้ ไม่เน้นดราม่า คิวบู๊โคตรเดือด คิมซอนโฮ สมราคานักฆ่าคนใหม่ในโลกภาพยนตร์ แฟนๆสายเกาไม่มีผิดหวัง

หมวดหมู่ : Action Thriller
สัญชาติ : South Korean
กำกับโดย : เทพบุตรล่านรก
ความยาว : 2 ชั่วโมง
นักแสดงนำ : Kim Seon-ho, Kang Tae-joo, Go Ara, Kim Kang-woo

คำคมจากภาพยนตร์

“โลกนี้ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ ทุกอย่างมันมีราคาที่ต้องแลกมาทั้งนั้น”

เรื่องย่อ

Marco นักมวยลูกครึ่งฟิลิปปินส์เกาหลี ที่ตระเวนไปทั่วสนามกีฬาผิดกฎหมายในฟิลิปปินส์เพื่อขึ้นชกหาเงินไปรักษาแม่ที่ป่วย เขาคาดหวังว่าสักวันจะได้ตามหาพ่อที่แท้จริงเพื่อจะได้ช่วยหาเงินจ่ายค่าผ่าตัด จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับการติดต่อจากทนายความคนหนึ่งจากเกาหลีที่อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของพ่อของเขา และตัดสินใจเดินทางไปกรุงโซล แถมยังมีผู้ชายใส่สูทแปลกหน้ามาทักทายเขาบนเครื่องบิน โดยไม่รู้เลยว่ามีอันตรายรอเขาอยู่ที่เกาหลีใต้ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นักมวยคนนี้โดนไล่ล่าจากกลุ่มคนปริศนามากมาย โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าคนกลุ่มนี้ต้องการอะไร และ Marco ต้องเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้ไปให้ได้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Childe นี่คือหนังแอ็คชั่นที่เหมาะกับคนที่ชอบหนังมันส์ๆลุ้นระทึกแฝงไปด้วยความตลกร้ายแบบสไตล์พี่น้อง Coen หน้าหนังเหมือนขายพระเอกหล่อแบบ Kim Seon-ho เป็นงานที่ท้าทายและผลลัพธ์ของหนังก็คุ้มค่ากลายเป็นงานเดือดๆสุดมันส์ที่ตลกกวนประสาท สาดซีนโหดๆแบบไม่มียั้ง หนังมีกลิ่นอายอิทธิพลแบบหนังอเมริกันค่อนข้างสูงมากๆ แต่เนื้อหาก็พูดถึงคนเกาหลีลูกครึ่งที่พบเจอความยากลำบาก ผสมผสานกับโทนเรื่องที่หนังดิบเถื่อน การดีไซต์ฉากแอ็คชั่นรวดเร็วลุ้นระทึก

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ชื่อของหนังค่อนข้างการันตีได้จากผู้กำกับ Park Hoon-jung ที่ทำหนังแอ็คชั่นดาร์คได้เมามันส์ และเรื่องนี้เขาก็พลิกแผลงสูตรสำเร็จของตัวเองอีกรอบหนึ่ง เรื่องนี้ไม่เน้นดราม่าความเจ็บปวดตามสไตล์เกาหลีแต่เน้นฉากไล่ล่า เน้นซีนแอ็คชั่น ค่อยๆเล่าเรื่องและปล่อยให้ผู้ชมประติดประต่อเรื่องราวเหตุการณ์ที่โกลาหลของนักมวยดวงซวยกับนักฆ่าเจ้าสำอางรูปหล่อ แถมปล่อยอารมณ์ขันหยอดมุกตลกหน้าแตกให้ผู้ชมเป็นระยะ มีกลิ่นอายหนังแบบอาชญากรรมแบบสไตล์อเมริกัน ซึ่งมันเป็นรสชาติใหม่สำหรับแฟนหนังสายเกา สิ่งที่น่าสนใจคือการวางเนื้อหาที่สาดคิวบู๊รวดเร็วราวกับรถไฟเหาะ ที่นักฆ่ามืออาชีพที่ไม่เคยทำงานผิดพลาด มาเจอกับแก๊งมาเฟียจอมโหดที่มีเป้าหมายเดียวกันคือกำจัดนักมวยคนนี้ให้ได้ หนังขายซีนแอ็คชั่นโดยเฉพาะฉาก Long Take ที่รวดเร็วดุดัน หนังรักษาสมดุลย์ของเรื่องราวเอาไว้ได้ไม่หลุดกรอบ เรียกว่าสร้างคาแรกเตอร์นักฆ่าหน้าหล่อหน้าใสที่ฆ่าคนไม่เลือกได้แบบเลือดเย็น แถมบทหนังก็สร้างเซอร์ไพรส์ให้คนดูตลอดเวลา เรียกว่าถ้าโหยหาหนังแอ็คชั่นเดือดๆแฝงไปด้วยความตลกเรื่องนี้ครบเครื่องมากๆ

ค่อนข้างชอบคาแรกเตอร์คิมซอนโฮ ในโลกที่วงการหนังเต็มไปด้วยงานแอ็คชั่นนักฆ่านักล่ามือสังหารเยอะไปหมด การพลิกนำพระเอกหน้าหล่อมาเล่นหนังครั้งแรกถือว่าตีความออกมาได้ดี ใช้ความหล่อผสมผสานกับบุคลิกกวนประสาท สนุกสนานเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกเหยื่อ มีความเกรียน รอยยิ้มอย่างกับคนโรคจิต ดูลับลมคมในไม่น่าไว้วางใจ เรียกว่าได้เห็นมุมมองใหม่ของหัวหน้าฮงที่มีความสลับซับซ้อน แถมผู้กำกับดึงเสน่ห์ของพระเอกคนนี้ออกมาใช้ได้ถูกที่ถูกเวลา แตกต่างจากงานแสดงซีรีส์อย่างสิ้นเชิง ส่วนนักมวยอย่าง Marco ที่ได้พระเอกอย่าง Kang Tae-joo เรียกว่าเป็นแคสต์ที่เหมาะสมทุกอย่าง ตัวละครที่มาด้วยความยากจนใช้ชีวิตแบบผิดกฏหมายพอมีเงินมาล่อ จากการคาดหวังว่าจะได้พบพ่อที่แท้จริง กลายเป็นว่าตัวละครนี้น่าสงสาร ใช้ร่างกายเยอะมากทั้งชกมวย วิ่งหนีตายจากการไล่ล่าแทบทั้งเรื่อง ตัวละครรองในเรื่องอย่าง Go Ara หญิงสาวที่น่ารักสดใสที่โผล่มาไม่เยอะแต่ช่วยสร้างสีสันให้หนังได้สบาย หรือวายร้ายอย่าง Kim Kang-woo ลุคมาเฟียที่เผด็จการและบ้าอำนาจสุดขีด

ส่วนในพาร์ทที่มาถ่ายทำที่เมืองไทย อาจไม่ได้เยอะอะไรมาก แต่การเนรมิตไทยให้กลายเป็นฟิลิปปินส์ ด้วยมุมมองเฟรมภาพของทีมงานเกาหลีก็ทำให้หลากหลายสถานที่มีความแปลกตาจากภาพจำเดิมๆที่เราเคยเห็นมาก่อน ทั้ง ถนนสุขุมวิท 22 ละแวกเจริญกรุง, สนามมวยรังสิต หรือย่านสลัม เรียกว่าหลอกตาผู้ชมว่าเป็นเมืองหลวงฟิลิปปินส์ได้แนบเนียน ส่วนในซีนที่เกาหลีชอบการเซ็ตติ้งหนังที่พยายามสร้างคิวบู๊นอกเมืองหลวง มันเลยทำให้เห็นภาพชนบทชานเมืองเกาหลีที่สวยๆ เรียกว่าแปลกตามากๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • นี่คืองานแสดงครั้งแรกของ Kim Seon-ho นับตั้งแต่จบ Hometown Cha-Cha-Cha
  • ถ้าไม่ได้ Kim Seon-ho มาแสดงนำ ผู้กำกับ Park Hoon-jung จะไม่สร้างหนังเรื่องนี้
  • คาแรกเตอร์นักฆ่าแฝงไปด้วยรอยยิ้มพระเอก Kim Seon-ho ได้แรงบันดาลใจมาจาก Joker ใน The Dark Knight ที่ Heath Ledger แสดงเอาไว้