Portrait of a Lady on Fire (2020)

ภาพฝันของฉันคือเธอ

Portrait of a Lady on Fire Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

นี่คือ Call Me By Your Name เวอร์ชั่นผู้หญิงที่เล่าเรื่องได้อย่างงดงามไร้ที่ติ สะกดผู้ชมได้อยู่หมัดด้วยบทพูดที่คมคายละมุนละไม ตราตรึงใจไปกับมุมมองความรักแบบผู้หญิงด้วยกัน

หมวดหมู่ : Drama Romantic
สัญชาติ : French
กำกับโดย : Céline Sciamma
ความยาว : 120 นาที
นักแสดงนำ : Noémie Merlant, Adèle Haenel

คำคมจากภาพยนตร์

"In solitude, I felt the liberty you spoke of. But I also felt your absence." "ในความเดียวดายนี้ ฉันรู้สึกถึงเสรีภาพที่เธอพูดออกมา แต่ฉันก็ยังรู้สึกถึงการไม่มีตัวตนของเธอ"

เรื่องย่อ

มารียาน จิตรกรสาวถูกจ้างมาวาดรูปของ เอลูอิส ลูกสาวคนเล็กของบ้านผู้มีอันจะกิน เพื่อส่งไปนัดดูตัว หากฝ่ายชายชอบรูปของเธอพวกเธอจะได้แต่งเข้าตระกูลใหญ่ที่มิลาน แต่เอลูอิสไม่ต้องการจะแต่งงาน แม่ของเอลูอิส จึงบอกให้มารียานแสร้งเป็นคนที่ถูกจ้างให้มาเดินเล่นด้วย แล้วแอบจำใบหน้าของเอลูอิสกลับไปวาดรูปเหมือนตอนกลางคืน แต่บนเกาะอันห่างไกล ความสัมพันธ์ของ 2 หญิงสาว พัฒนาไปมากกว่าแค่เพื่อนคลายเหงา หรือ จิตรกรและแบบวาด

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Portrait of a Lady on Fire จัดอยู่ในหมวดหนังอาร์ตที่ชูประเด็นหญิงรักหญิงได้อย่างละะมุนละไม มุมมองความรักที่โดนมองว่าไม่ถูกไม่ควร กลับถูกนำมาตีความได้มีชั้นเชิง ผ่านทางภาษาที่สละสลวย เติมเต็มประเด็นเพศหญิงยุคเก่า เราว่าคนที่เป็น LGBT หรือหญิงรักหญิงจะชอบเรื่องนี้เพราะเนื้อหาไม่ฟูมฟายเลยสักนิด

  • สายหนังอาร์ต
  • สายหนังรัก
  • สายหนัง LGBT

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หนังมีความเป็น Call Me By Your Name ฉบับผู้หญิง แต่ยกระดับสุนทรีย์ทางด้านศิลปะที่มากกว่า ซึ่งความสละสลวยของมันจึงชัดเจนมากๆ ในทางภาพ’ แต่ในขณะเดียวกัน ทางด้านความรู้สึกที่สัมผัสได้จากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เราชอบการตีความที่หนังสื่อสารอารมณ์หญิงรักหญิงออกมาได้ละมุนละไม มันเด่นมากๆกว่าเรื่องไหนๆที่เราเคยสัมผัสมา เหมือนเรากำลังจะเสพงานศิลปะชนิด 1 อยู่ ที่ความอิน การตีความในมุมมองที่แปลกใหม่จากหนัง LGBT หญิงรักหญิงเรื่องอื่นๆที่เราเคยดูมา หนังเปรียบเปรยอารมณ์ความรู้สึกความสัมพันธ์ของตัวละคร เริ่มต้นแบบช้าๆแล้วค่อยๆปฏิสัมพันธ์ หนังกำลังทำให้เห็นว่า ความใกล้ชิดก่อให้เกิด ความสัมพันธ์ได้จริง จากเพื่อนแก้เหงากลายเป็นความรักที่ต้องปิดบังเอาไว้ เพราะสังคมยุคเก่าการรักเพศเดียวกันเป็นสิ่งต้องห้ามไม่มีใครยอมรับ

หนังค่อยๆเล่าเรื่องความรักให้สมกับบริบทยุคเก่าที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีเพลงประกอบ ไม่ได้บิ้วอัพคนดูแต่อย่างใด นำพาคนดูไปสัมผัสชีวิตของผู้หญิงฝรั่งเศสยุคเก่า ที่ต้องช่วยเหลือประคับประคองกันในห้วงเวลาที่ลำบากทุกข์ยาก ตั้งครรภ์, ปวดท้องประจำเดือน, แท้งลูก ซึ่งที่ว่ามานี่สุภาพสตรียุคก่อนต้องเผชิญกับเรื่องราวที่หนักหนา ผู้กำกับสื่อสารด้วยความข้อความของเพศหญิงล้วนๆเข้าใจหัวอกเพศเมีย ไม่มีการพูดถึงผู้ชายถึงมีก็น้อยมาก เห็นได้ชัดว่าในตัวหนังนักแสดงชายสมทบมีบทพูดหรือถูกดึงเข้ามาอยู่ฉากประมาณ 4-5 เฟรม แต่ก็มีเวลาให้พูดไม่ถึง 1 นาทีในบางมุมบางซีน คือไหนๆจะทำหนังรักผู้หญิงด้วยกันแล้ว ก็ทำให้ปราศจากมุมมอง การตำหนินินทาเพศชายไปเลย นับถือไอเดียตรงนี้มากและเพราะทุกอย่างดูมีมุมมองแบบผู้หญิงล้วนไปเลย

สิ่งที่ทำให้หนังพีคมากนอกจากบท คือการจัดวางภาพที่สวยงามดูละเอียด จนแทบจะเป็นพระเอกของหนังไปแล้ว เพราะจุดนี้เองทำให้ทุกๆฉากมีงานที่สวยงามในทุกโลเคชั่น ดึงดูดให้เราดูไปได้จนจบ การนำตัวละครผู้หญิง 2 คน เดินทางไปในหลายๆสถานที่ การออกไปเที่ยว, การช่วยเหลือผู้คนระหว่าง มันขยายประเด็นให้ตัวหนังผูกโยงเรื่องรักของเพศหญิงได้ชาญฉลาดน่าเชื่อถือให้คนดู กลายเป็นหนังที่รักดราม่าที่ไม่ต้องละมุนละไมสร้างความเลี่ยน มีภาษาที่ใช้สื่อสารสละสลวย ดีงามไร้ที่ติ และส่งผลให้นักแสดงนำ 2 คน Noémie Merlant, Adèle Haenel ตีบทแตกทำให้รู้สึกว่านี่คือหนังรักที่โหยหา ผ่านการจ้องมองอารมณ์แบบศิลปะ ที่ไม่จำเป็นต้องมีการบอกรักเลยแม้แต่น้อย แต่มีนัยยะที่โคตรโรแมนติกที่หาไม่ได้ในตลาดหนังยุคนี้

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • หนังคว้ารางวัลบทยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2020
  • หนังกวาดรางวัลจากสถาบันต่างๆทั่วโลกมาถึง 24 โทรฟี่